นายกฯปลื้มไทยอันดับ26รับมือโควิด เปิดระบบ‘เทสต์แอนด์โก’ เชื่อมั่นปท.จะเติบโตทางศก.รวดเร็ว

นายกฯปลื้มไทยอันดับ26รับมือโควิด

เปิดระบบ‘เทสต์แอนด์โก’

เชื่อมั่นปท.จะเติบโตทางศก.รวดเร็ว

‘สธ.’ย้ำพร้อมฉีดวัคซีนเด็ก3ขวบ

ยันมีซิโนแวคในสต๊อกนับล้านโดส

ติดเชื้อใหม่ยังทรง7,422-ตาย12ศพ

ศบค.ชี้ไทยติดเชื้อรายวันทรงตัวที่ 7,422 ตาย 12 ศพ กทม. ยังรั้งอันดับ 1ติดโควิดเกิน 1 พันต่อเนื่อง ศบค.เปิดลงทะเบียนเทสต์แอนด์โก ยกระดับมาตรการตรวจเข้มคนเข้าประเทศวันแรก สธ.พร้อมใช้ “ซิโนแวค” ฉีดเด็ก 3 ขวบหาก อย.ไฟเขียว ยันมีในสต็อกเพียงพอ นายกฯปลื้มไทยได้รับจัดอันดับประเทศรับมือสถานการณ์โควิดได้ดีที่สุดเป็นอันดับที่ 26 จากทั้งหมด 53 ประเทศและเขตเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยคะแนนรวม 63.7 คะแนน เพิ่มสูงขึ้นจากปี 2563 ถึง 18 ลำดับ

เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) สรุปรายงานสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ประจำวัน รวมถึงความคืบหน้าการเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศผ่านระบบเทสต์แอนด์โกวันแรก

ติดเชื้อยังทรงที่7,422ตาย12ราย

ศบค.ระบุว่า ไทยพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 7,422 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยในประเทศ 7,161 ราย จากการค้นหาเชิงรุก 17 ราย จากเรือนจำ 28 ราย และผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ 261 ราย ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยรวมสะสม 224,529 ราย ในส่วนผู้ที่หายป่วยวันนี้มี 8,715 ราย รวมหายป่วยสะสม 174,271ราย มีผู้ป่วยที่กำลังเข้ารักษาอยู่ 83,014 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยอาการหนัก 557 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 107 ราย สำหรับตัวเลขผู้เสียชีวิตวันนี้มี 12 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 22,185 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.91

กทม.ติดโควิดเกินพันต่อเนื่อง

สำหรับผู้เสียชีวิตทั้ง 12 ราย อยู่ในกรุงเทพมหานคร (กทม.) 3 ราย นนทบุรี 1 ราย กาฬสินธุ์ 3 ราย ขอนแก่น 1 ราย อำนาจเจริญ 1 ราย น่าน 1 ราย พังงา 1 ราย และราชบุรี 1 ราย ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตเป็นเพศชายทั้งหมด 9 ราย และเพศหญิง 3 ราย ค่าเฉลี่ยอายุของผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 84 ปี ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุด 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานครพบผู้ติดเชื้อ 1,254 ราย สมุทรปราการ พบผู้ติดเชื้อ 780 ราย นนทบุรี พบผู้ติดเชื้อ 478 ราย ชลบุรี พบผู้ติดเชื้อ 391 ราย ภูเก็ต พบผู้ติดเชื้อ 385 ราย นครราชสีมา พบผู้ติดเชื้อ 190 ราย ศรีสะเกษ พบผู้ติดเชื้อ 150 ราย เชียงใหม่ พบผู้ติดเชื้อ 133 ราย ปทุมธานี พบผู้ติดเชื้อ 131 ราย และอุบลราชธานี พบผู้ติดเชื้อ 128 ราย

ฉีดวัคซีนสะสม115.3ล้านโดส

ด้านสถานการณ์ฉีดวัคซีน ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้วรวม 115,308,070 โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 เพิ่มขึ้น 15,378 ราย คิดเป็นร้อยละ 75.2 ของจำนวนประชากรทั้งหมด เข็มที่ 2 เพิ่มขึ้น 31,886 ราย คิดเป็นร้อยละ 69.9 ของจำนวนประชากรทั้งหมด และเข็มที่ 3 เพิ่มขึ้น 155,680 ราย คิดป็นร้อยละ 20.5 ของจำนวนประชากรทั้งหมด

วันแรกลงทะเบียนเข้าไทยคุมเข้ม

ส่วนผลดำเนินงานรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร พบว่า มีผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-1 กุมภาพันธ์วันนี้พบว่า ติดเชื้อโควิด 261 ราย โดยในจำนวนผู้ติดเชื้อนั้นผ่านเข้าราชอาณาจักรผ่านระบบ Test & Go 9 ราย ระบบแซนด์บ็อกซ์ 229 ราย ระบบการกักตัว 22 ราย และลักลอบเข้ามา 1 ราย ทั้งนี้ วันนี้เป็นวันแรกที่ ศบค.เปิดให้ลงทะเบียนสำหรับนักท่องเที่ยวผู้เดินทางเข้ามาในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (Sandbox) เพิ่มเติม ดังนี้

1. จ.ชลบุรี (อ.บางละมุง เมืองพัทยา อ.ศรีราชา อ.เกาะสีชัง อ.สัตหีบ เฉพาะ ต.นาจอมเทียน ต.บางเสร่) 2. จ.ตราด (เกาะช้าง) 3.การเปิดพื้นที่เชื่อมโยงให้เดินทางเชื่อมโยงในกลุ่มพื้นที่ จ.ภูเก็ต กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) ใน 7 วัน ต้องพำนักในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวปรับมาตรการ โดยต้องมีหลักฐานจองที่พัก 7 วันในโรงแรมที่กำหนดการตรวจ RT-PCR ครั้ง ในวันที่ 1 และวันที่ 5-6 มีระบบตรวจสอบเข้าออกโรงแรมทุกวันเป็นเวลา 7วัน ในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวหรือในกลุ่มจังหวัด โดยไม่เกิน 3โรงแรม และปรับมาตรการติดตามให้โรงแรมเป็นผู้ตรวจสอบการเข้าพักทุกวันเป็นเวลา 7 วัน ผู้เดินทางสามารถเดินทางไปกลับในจังหวัดใกล้เคียงได้ ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ออกประกาศในส่วนการฉีดวัคซีนให้เด็กเล็กว่า สธ.พร้อมใช้ซิโนแวคฉีดเด็ก 3 ขวบ รออย.อนุมัติขยายทะเบียน

พร้อมฉีดเด็ก3ขวบ-รอ’อย.’เคาะ

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข (สธ.)ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับรายงานจากอธิบดีกรมควบคุมโรคว่า วัคซีนซิโนแวคมายื่นขอจดทะเบียนเพื่อใช้สำหรับเด็กอายุ 3 ขวบขึ้นไป ถือเป็นเรื่องดี เนื่องจากหากฉีดวัคซีนครอบคลุมกลุ่มอายุมากขึ้นช่วยลดความเสี่ยง สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคเห็นชอบให้ใช้ซิโนแวคสำหรับเด็กอายุ 3 ขวบขึ้นไปได้ หลังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อนุมัติขึ้นทะเบียนเพิ่มเติม ขณะนี้อย.อยู่ระหว่างพิจารณาเอกสารข้อมูลเพิ่มเติมจากองค์การเภสัชกรรม (อภ.)ผู้นำเข้าวัคซีน หากอนุมัติแล้ว สธ.พร้อมนำมาฉีดในกลุ่มอายุ 3 ขวบขึ้นไปทันที เป็นทางเลือกให้ประชาชน

ฉีด5-11ปีวันแรกฉลุย-150คนอาการปกติ

นายอนุทินแถลงผลดำเนินการจัดบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี ซึ่งเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัย ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว เริ่มจากกลุ่มที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรคก่อน การฉีดวันแรกที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี หรือโรงพยาบาล (รพ.) เด็ก เมื่อวันที่ 31 มกราคม ได้รับรายงานจากนพ.อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กฯว่า ภาพรวมเรียบร้อย มีผู้ปกครองสมัครใจให้บุตรหลานฉีดวัคซีนประมาณมากกว่า 150 คน จากการติดตามอาการหลังฉีด โดยให้ผู้ปกครองรายงานผ่านระบบที่สถาบันสุขภาพเด็กฯ จัดทำไว้ พบว่าทุกรายอาการปกติ บางรายมีอาการไข้หรือปวดบริเวณที่ฉีดเล็กน้อย ซึ่งเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ตามปกติเหมือนในผู้ใหญ่ ยังไม่พบอาการสำคัญน่ากังวล

ประสานศธ.จัดฉีดที่รร.ระยะถัดไป

“จากการเยี่ยมชมการให้บริการฉีดวัคซีนในเด็กอายุ 5-11 ปี ของสถาบันสุขภาพเด็กฯ ถือว่าจัดบริการได้อย่างดี เจ้าหน้าที่สวมชุดสัตว์ มีการเปิดการ์ตูนให้เด็กได้ดูระหว่างรอ ช่วยให้เด็กผ่อนคลาย ไม่เครียดในการมารับวัคซีน รวมถึงใช้ห้องตรวจปกติมาเป็นห้องฉีดวัคซีน เพื่อไม่ให้เด็กมองเห็นกันจนอาจเกิดความกลัวหรือกังวลต่อการฉีด ทราบว่าการจัดบริการรอบต่อไป จะใช้ห้องตรวจที่ว่างมาปรับเป็นจุดฉีด ซึ่งจะรองรับได้สูงสุดถึงวันละ 500 คน และจะนัดผู้ปกครองที่สมัครใจพาบุตรหลานมารับบริการต่อไป” นายอนุทิน กล่าว และว่า สำหรับการฉีดเด็กอายุ 5-11 ปีที่มีโรคประจำตัว จะฉีดที่ รพ.ภายใต้ดุลยพินิจของกุมารแพทย์ ซึ่งผู้ปกครองติดต่อ รพ.ใกล้บ้านนัดหมายมารับวัคซีนได้ โดยกรมควบคุมโรคจัดส่งวัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี กระจายไปยังจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ และได้ประสานกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อจัดฉีดเด็กอายุ 5-11 ปีทั่วไปที่โรงเรียนระยะถัดไปแล้ว

สธ.ยันซิโนแวคมีในสต๊อกพร้อมฉีด

ขณะที่นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยเพิ่มเติมถึงการพิจารณาฉีดวัคซีนเชื้อตายให้เด็ก 3-17 ปีว่า ไทยเริ่มฉีดวัคซีนโควิดชนิดแรกคือ ซิโนแวค จากนั้นฉีดชนิดอื่นต่อเนื่องมา โดยประเด็นว่าหากอนุมัติให้ฉีดซิโนแวคกับเด็ก 3-17 ปีได้ ก็จะมีวัคซีนฉีดได้ทันที อธิบายได้ว่า วัคซีนซิโนแวคมีอายุใช้งาน 6 เดือนตามที่ อย.ไทยอนุมัติใช้ ของเดิมเรายังมีอยู่และยังไม่หมดอายุ กระจายอยู่ในส่วนภูมิภาคแต่ละจังหวัด ทั้งยังมีวัคซีนซิโนแวคที่ไทยรับบริจาคมาจากจีนครั้งที่เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในโอกาสเข้ารับหน้าที่อีก 1.5 ล้านโดส อย่างไรก็ตาม ตัวเลขคงเหลือที่ชัดเจนต้องตรวจสอบอีกครั้ง แต่มีมากกว่า 1 ล้านโดส คาดว่ามีวัคซีนเพียงพอ เพราะเด็กอายุ 3-5 ปี มีจำนวนไม่มาก ทั้งยังมีวัคซีนไฟเซอร์ที่ฉีดเด็ก 5 ปีขึ้นไปได้ด้วย

รอฟัง’อย.’นัดเคาะสัปดาห์นี้

นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการพิจารณาวัคซีนซิโนแวคที่ขออนุญาตขยายช่วงอายุการฉีดกลุ่มอายุ 3-17 ปีว่า ตามปกติการพิจารณาอนุมัติทะเบียนจะใช้เวลา 30 วันหลังยื่นข้อมูล แต่การพิจารณาแก้ไขเปลี่ยนแปลงทะเบียนจะใช้เวลาเร็วกว่าคือ ประมาณ 14 วัน ขณะนี้ผู้รับอนุญาตนำเข้าคือ องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ส่งข้อมูลเพิ่มเติมตามที่ อย.ขอมาแล้วประมาณ 10 วันก็จะนัดผู้เชี่ยวชาญประชุมหารือพิจารณาภายในสัปดาห์นี้ ถ้าอนุมัติจะยื่นเรื่องให้เลขาธิการ อย.ลงนาม ซึ่งขั้นตอนนี้ใช้เวลาไม่นาน หลังอนุมัติแล้วกรมควบคุมโรค ที่เป็นผู้ซื้อจะกระจายวัคซีนไปยังจุดฉีดต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า การพิจารณาขยายช่วงอายุจะอนุมัติรวดเดียวถึง 3 ขวบเลยหรือไม่ หรืออนุมัติเป็นช่วง เช่น 12-17 ปี แล้วค่อยขยายเพิ่ม นพ.สุรโชคกล่าวว่า ซิโนแวคขอขยายอายุการฉีด 3-17 ปี ไม่เหมือนไฟเซอร์ โมเดอร์นา ที่ยื่นขอซอยแบ่งช่วงอายุ ดังนั้น ข้อมูลที่ซิโนแวคส่งมาทั้งหมด จึงเป็นทุกช่วงอายุตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไป แต่การอนุมัติแก้ไขทะเบียนว่าจะขยายถึงช่วงอายุใดอยู่ที่ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญพิจารณาข้อมูลที่ได้รับมา จะดูทั้งเรื่องประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และช่วงอายุ หากข้อมูลเพียงพอครบทั้งหมดก็อาจพิจารณาขยายจนถึงอายุ 3 ขวบได้เลย หรือหากข้อมูลยังไม่พอต้องขอข้อมูลเพิ่มเติมอีก

โอมิครอนติดได้แม้ใส่แมส2ชั้น

นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC ว่า โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน เป็นไวรัสที่ติดกันง่ายที่สุด ง่ายกว่าเชื้อโรคทางเดินหายใจทุกชนิดในโลก ไม่น่าแปลกที่ทุกคนในโลกนี้ไม่ช้าก็เร็วจะได้รับเชื้อโอมิครอน ถึงแม้เราจะใส่หน้ากาก 2 ชั้นก็ยังมีโอกาสติดได้ มีหนทางเดียวต้องใส่หน้ากากชนิด N95 ตลอดเวลาซึ่งเป็นไปไม่ได้ โชคดีที่ตัวเชื้อโอมิครอนไม่ก่อให้เกิดโรครุนแรง ถ้าได้ฉีดวัคซีนครบโดสและได้เข็มกระตุ้น อาการยิ่งน้อยลงไปอีก เป็นเหมือนหวัดธรรมดา กฎเกณฑ์การตรวจการติดเชื้อโอมิครอนควรเป็นแบบเดียวกับไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดใหญ่ใช้การตรวจแบบรวดเร็ว ถ้าให้ผลบวก แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ และให้ยารักษาเลย ไม่จำเป็นต้องตรวจรหัสพันธุกรรม RT-PCR เพื่อยืนยันว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ ส่วนใหญ่แพทย์จะทำ RT-PCR

การตรวจโควิดแบบ ATK ควรตรวจเมื่อมีอาการ และสงสัยว่าติดเชื้อโควิด หรือเป็นกลุ่มเสี่ยงใกล้ชิดผู้ยืนยันติดเชื้อแล้ว ไม่จำเป็นต้องตรวจ ATK คัดกรอง สำหรับคนทั่วไปที่ไม่มีอาการ และไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง ยกเว้นว่าตรวจก่อนไปรวมกลุ่มเลี้ยงสังสรรค์กับคนจำนวนมากในสถานที่แคบ ติดตั้งปรับอากาศ อากาศถ่ายเทไม่ดีหรือเดินทางเป็นหมู่คณะในรถโดยสารปรับอากาศด้วยกัน หรือต้องไปพบผู้ที่มีโอกาสป่วยหนักหากติดเชื้อ เช่น คนสูงอายุ คนที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังและหญิงตั้งครรภ์

แนะรวมผลบวกATK/RT-PCR

สำหรับคนที่มีอาการเจ็บคอ มีน้ำมูก ไอ ไข้ ปวดหัว ปวดตัว และตรวจ ATK ที่บ้านแล้วให้ผลบวก วินิจฉัยได้เลยว่าติดเชื้อโควิด-19 ส่วนใหญ่อาการไม่มาก ให้แยกกักตัวที่บ้านไม่จำเป็นต้องไปตรวจ RT-PCR สำหรับ SARS-CoV-2 เพื่อยืนยันว่าติดโควิด-19 การตรวจ RT-PCR จำเป็นสำหรับผู้ป่วยที่สงสัยโควิด ผล ATK ลบหรือบวก มีอาการมากต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล ค่าตรวจ RT-PCR สำหรับ SARS-CoV-2 แพงกว่า ATK ประมาณ 30 เท่า ถ้าเรายังทำการตรวจ RT-PCR ทุกคนเพื่อยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 เราจะเสียเงินเป็นหมื่นล้านบาท มากกว่าเงินที่ใช้ซื้อวัคซีนอีก ถึงเวลาแล้วที่ภาครัฐควรรวมสถิติผลบวก ATK กับ RT-PCR เข้าด้วยกันเพื่อรายงานว่าคนในประเทศไทยติดเชื้อวันละกี่คน ไม่ใช่ใช้แต่ตัวเลขของ RT-PCR อย่างเดียว

บางซื่อเปิดฉีดเข็ม4วันแรก-เลือกยี่ห้อได้

ที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนังและผู้อำนวยการศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อเปิดเผยว่า วันนี้เป็นวันแรกที่เริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 4 ให้ประชาชนทั่วไป ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อจัดฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 และเข็มที่ 4 โดยฉีดวันละ 30,000 คน โดยเป็นระบบจองคิวล่วงหน้า แบ่งเป็นผู้เคยฉีดวัคซีนที่ศูนย์ฯบางซื่อ ซึ่งเราจะส่งข้อความและนัดหมายไปให้วันละ 15,000 คน และอีก 15,000 คน เป็นการเปิดให้ประชาชนทั่วไปลงทะเบียนฉีดผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ 4 เครือข่าย ได้แก่ เอไอเอส ทรู ดีแทค และ บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ เอ็นที การฉีดก็ราบรื่น ไม่แออัด โดยเข็มที่ 4 ซึ่งเป็นเข็มกระตุ้นเป็นวันแรกเปิดให้บริการกับประชาชนทั่วไปที่ฉีดสูตรซิโนแวค 2 เข็ม เข็มที่ 3 คือ แอสตร้าเซนเนก้า และ สูตรซิโนแวค 2 เข็ม เข็มที่ 3 คือ ไฟเซอร์ โดยผู้ที่จะรับเข็มที่ 4 ได้ ต้องมีระยะห่างจากเข็มที่ 3 อย่างน้อย 3 เดือน สามารถเลือกได้ว่าจะฉีดเข็มที่ 4 เป็นแอสตร้าฯ หรือ ไฟเซอร์ นอกจากนี้ ยังเปิดให้ประชาชนเลือกได้ว่าจะฉีดไฟเซอร์แบบเต็มโดส 30 ไมโครกรัม หรือ ครึ่งโดส 15 ไมโครกรัม หรือจะเลือกฉีดเข้าชั้นผิวหนัง 10ไมโครกรัม ตามความสมัครใจและอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ ขณะเดียวกัน ศูนย์ฯฉีดบางซื่อจะช่วยฉีดเด็กที่ไม่อยู่ในโรงเรียน เช่น เด็กระบบโฮมสคูล เด็กนอกระบบโรงเรียน หรือเด็กในระบบที่ไม่ได้ไปฉีดในวันที่โรงเรียนกำหนด เช่น อาจเป็นไข้ โดยเปิดลงทะเบียนจองคิวผ่านเครือข่าย 4ค่าย วันที่ 8กุมภาพันธ์ เริ่มฉีด10กุมภาพันธ์ วันละ5พันคน เพื่อแบ่งเบาภาระฉีดเด็กปกติ

ไทยติดอันดับ26ปท.รับมือโควิดได้ดีที่สุด

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานการจัดอันดับประเทศและเขตเศรษฐกิจที่รับมือกับสถานการณ์โควิดได้ดีที่สุด (The Covid Resilience Ranking: The Best Places to Be as We Learn to Live With Covid) ประจำเดือนมกราคม 2565) โดยไทยได้รับการจัดอันดับประเทศที่รับมือกับสถานการณ์โควิดได้ดีที่สุดเป็นอันดับที่ 26 จากทั้งหมด 53 ประเทศและเขตเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยคะแนนรวม 63.7 คะแนน เพิ่มสูงขึ้นจากปี 2563 ถึง 18 ลำดับ

ทั้งนี้ นายกฯรับทราบการจัดลำดับดังกล่าว ชื่นชมการทำงาน และขอบคุณทุกหน่วยงานทำงานหนักจนเห็นผลความสำเร็จ จากตัวเลขผู้เสียชีวิตที่มีระดับต่ำ และมาตรการควบคุมที่เข้มงวดแต่เปิดให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้จนเห็นแนวทางของการพัฒนาว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ดีขึ้น และขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการที่ ศบค.กำหนด จนสถานการณ์ในประเทศไทยอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้

“นายกฯ ยินดีกับผลจัดอันดับครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นศักยภาพทำงานของรัฐบาลตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นผลความสำเร็จจากความร่วมมือบูรณาการ คลี่คลายสถานการณ์ระบาดให้เกิดผลกระทบน้อยสุดต่อประชาชน รวมทั้งต้องประเมินสถานการณ์เป็นประจำต่อเนื่อง เพื่อปรับแนวทางทำงานให้สอดรับกับสถานการณ์ในประเทศและในโลก นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังสั่งการให้ทุกภาคส่วนวางแผนรับมือกับสถานการณ์อยู่เสมอทั้งระยะสั้น และระยะยาว โดนเน้นย้ำว่า เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับโควิด-19 อย่างปลอดภัยให้ได้ เป็นไปตามมาตรการทางสาธารณสุข” นายธนกรฯ กล่าว