ที่เที่ยวใหม่ 2565 ปังทุกที เตรียมตัวไปเช็กอินกันได้เลย

           ที่เที่ยวใหม่ 2565 หลากหลายประเภทสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ เอาใจทุกสายทุกแนว แล้วค่อยหาวันว่างสะกิดคนข้าง ๆ ไปเช็กอินกัน

           เริ่มต้นปีพุทธศักราช 2565 มาไม่นาน หลายคนน่าจะยังติดลมกับการได้หยุดพักผ่อนเที่ยวกันยาว ๆ ก็เลยนึกสนุกอยากจะหาที่เที่ยวใหม่ ไว้เป็นไอเดียสำรองสำหรับการเที่ยววันหยุดครั้งต่อไปกัน ถ้าอย่างนั้นแล้วไม่รอช้า เรามีที่เที่ยวใหม่ 2565 มาฝาก น่าจะถูกใจทั้งสายธรรมชาติ สายคาเฟ่ สายแคมปิ้ง หรือจะเป็นสายถ่ายรูป ก็เที่ยวสนุกได้หมด ว่าแต่จะมีที่ไหนบ้าง ลองตามไปดูกันเลย

1. สวนเบญจกิติ (โซนใหม่)

           สวนสาธาณะที่ใครหลายคนคุ้นหน้าคุ้นตา นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่สำหรับฟอกปอดของชาวกรุงเทพฯ ทั้งมาออกกำลังกาย เดินเล่น พักผ่อน ซึ่งเมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2564 สวนเบญจกิติมีการเปิดเฟสใหม่ โดยมีจุดไฮไลต์สำคัญคือ สกายวอล์กที่ทอดตัวยาวผ่านกลางสวนเป็นระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร ระหว่างทางจะได้เสพความร่มรื่มของเงาต้นไม้น้อยใหญ่ เมื่อมองออกไปสุดสายตาก็จะเห็นตึกอาคารสูงตั้งโดดเด่นเป็นฉากหลัง แนะนำว่าจะให้ดีควรเป็นช่วงเย็น ๆ เพราะคุณจะได้เห็นท้องฟ้าสีส้มยามเย็นตัดกับไฟประดับอาคาร พร้อมลมพัดคลอเคลียเบา ๆ บอกเลยว่าชิลสุด ๆ

2. เขาทะลุ จอมบึง จังหวัดราชบุรี

           สำหรับนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ แนะนำว่าไม่ควรพลาดมาเช็กอินที่นี่เป็นอย่างยิ่ง เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นมาอย่างสวยงาม มีลักษณะเป็นประตูซุ้มหินโค้ง หากมองจากทางด้านหน้าจะรู้สึกราวกับว่าเหมือนทะลุไปยังอีกมิติหนึ่ง นั่นจึงเป็นที่มาที่บางคนเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า “เขาทะลุมิติ” สำหรับการเดินขึ้นมายังจุดนี้ นักท่องเที่ยวจำเป็นต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะบริเวณโดยรอบเป็นหินกรวด ถ้าไม่ทันระวังก็อาจจะลื่นได้ แนะนำว่าควรใส่รองเท้าผ้าใบ และสวมถุงมือสำหรับไต่เชือกมาด้วยจะดีที่สุด โดยใช้เวลาเดินประมาณ 10-15 นาที ก็จะถึงบริเวณจุดชมวิวที่มองออกไปเห็นท้องทุ่งนาสีเขียวสวยตรงหน้าแล้ว

3. ภูผาป่าสน จังหวัดราชบุรี

           ลานกางเต็นท์ท่ามกลางป่าสนและริมอ่างเก็บน้ำห้วยท่าเคย บรรยากาศเงียบสงบ รับลมเย็น ๆ มองไปทางไหนก็เจอแต่ความชิล ยิ่งถ้าใครชอบถ่ายรูปเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เจอที่นี่เข้าเห็นทีว่าจะตกหลุมรักเข้าอย่างจัง ไม่เพียงแต่จะได้ชื่นชมวิวสวยแล้ว ยังมีคาเฟ่ไว้เอาใจคอกาแฟให้ได้ลิ้มลองความละมุนอีกด้วย ลองจินตนาการดูสิว่าตื่นเช้ามาแล้วได้จิบกาแฟอุ่น ๆ และดื่มด่ำวิวตรงหน้า เชื่อเลยว่าเป็นใครก็อยากจะหยุดเวลาแล้วซึมซับช่วงเวลานี้ไปนาน ๆ

4. สวนยายสุข จังหวัดชลบุรี

           แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติใกล้กรุงเทพฯ ที่ให้ฟีลไม่ต่างจากการไปชมสวนดอกไม้สวย ๆ ทางภาคเหนือเลย เพราะที่นี่คุณจะเพลิดเพลินไปกับการถ่ายรูปคู่กับดอกมาร์กาเร็ตและคอสมอสหลากสีสันในธีมญี่ปุ่น ทั้งโทริอิ, Glico, บ้านญี่ปุ่น, ตู้กดน้ำ หรือแม้แต่รถไฟชินคันเซ็น (จำลอง) มาเป็นพร็อพ ให้คุณถ่ายรูปสนุกแบบไม่มีเบื่อ ท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้ที่กำลังบานชูช่อรอต้อนรับนักท่องเที่ยว

5. พระจมน้ำเขาระกำ จังหวัดตราด

          พระจมน้ำเขาระกำ หรือพระพุทธสิริภูวดลมงคลชัย เดิมทีบริเวณดังกล่าวเป็นวัดมอญ (สำนักสงฆ์) ทั้งนี้ ชาวไทยและมอญที่อาศัยในพื้นที่ได้ร่วมกันสร้างพระพุทธรูปดังกล่าว ต่อมาทางกรมชลประทานได้มีโครงการขยายสันเขื่อนอ่างเก็บน้ำเขาระกำ ทำให้พื้นที่ริมอ่างเก็บน้ำถูกน้ำท่วมเพิ่ม รวมถึงวัดมอญแห่งนี้ จนทำให้ต้องย้ายสำนักสงฆ์เขาระกำไปอยู่ในพื้นที่แห่งใหม่ ส่วนวัดมอญเดิมก็ถูกทิ้งร้างไป พร้อมกับระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถพายเรือคายักหรือพายซับ เพื่อเข้าถึงองค์พระกันได้แบบคูล ๆ นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้ทั้งความบันเทิง ขณะเดียวกันก็ได้ยลความอันซีนของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ไปด้วยในตัว

6. บ้านไฮตาก จังหวัดเลย

          หมู่บ้านเล็ก ๆ ในหุบเขาอำเภอภูเรือ หากใครอยากมาสัมผัสเสน่ห์ที่นี่แบบเต็ม ๆ แนะนำว่าให้มาช่วงหน้าหนาวจะดีที่สุด โดยในหมู่บ้านจะมีที่พักและโฮมสเตย์ให้บริการมากมาย พลาดไม่ได้กับจุดชมวิวโฮมสเตย์บ้านไฮตากแลนด์ ซึ่งมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ 180 องศา หรือถ้าวันไหนที่ท้องฟ้าเป็นใจ ก็สามารถมองเห็นได้อีกหลายอำเภอของจังหวัดเลย โดยในช่วงเช้าและเย็นจะเห็นสายหมอกลอยขาวเป็นปุยนุ่น พร้อมกับสัมผัสลมหนาวฟิน ๆ ใครที่มาเจอ เห็นทีคำว่า “สวรรค์บนดิน” ก็คงจะไม่เกินจริงไปนัก

7. หอโหวด ๑๐๑ จังหวัดร้อยเอ็ด

           ที่เที่ยวแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของจังหวัดร้อยเอ็ด ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหน้าบึงพลาญชัย ในสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ร้อยเอ็ด มีลักษณะเด่นชวนให้สะดุดตาต้องใจกับโครงสร้างอาคารเป็นทรง “โหวด” ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีพื้นเมืองประจำจังหวัดร้อยเอ็ด และมีความสูง 101 เมตร แน่นอนว่าจะประทับใจกับวิวเมืองร้อยเอ็ดแบบเต็ม ๆ ตา มีสกายวอล์กพื้นกระจกใส และมุมถ่ายรูปสวย ๆ เต็มไปหมด ถ้าจะให้ดีแนะนำว่าให้มาช่วงเวลาเย็น นอกจากจะได้ชมพระอาทิตย์ตกดินสวย ๆ แล้ว บรรยากาศก็ยังโรแมนติกสุด ๆ มีร้านของฝาก ของที่ระลึก และคาเฟ่เก๋ ๆ เอาไว้ให้นั่งชิล ๆ อีกด้วย

8. สามข้าวเฟคตอรี่ เกษตรอินทรีย์ ไทยแลนด์ จังหวัดอุดรธานี

          ที่เที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดอุดรธานี พร้อมให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาดื่มด่ำธรรมชาติ ทุ่งดอกไม้ และเกษตรอินทรีย์วิถีชาวบ้านโดยกลุ่มวิสาหกิจชุมชน นอกจากนี้ยังได้สัมผัสกลิ่นอายวัฒนธรรมอีสานดั้งเดิม ผ่านข้าวของเครื่องใช้รุ่นปู่ย่าตายายที่หาชมได้ยาก รวมถึงยังมีกิจกรรมสนุก ๆ อีกมากมาย อย่างการขี่ ATV เที่ยวชมรอบไร่ ขี่ม้า และขี่ช้าง หรือจะลิ้มลองอาหารอีสานรสแซ่บ และนั่งจิบกาแฟเพลิน ๆ ก็มีให้เลือกเช่นกัน

9. ลิวงค์ จังหวัดสงขลา

           ตั้งอยู่ในอำเภอจะนะ ที่นี่เป็นเหมืองแร่ดีบุกเก่า ซึ่งปัจจุบันกลายสภาพมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักเป็นสายแคมปิ้ง ที่ต้องการมาซึมซับบรรยากาศธรรมชาติแบบริงไซด์ มองไปเบื้องหน้าเห็นแอ่งน้ำสีเขียวมรกตกว้างขนาดใหญ่ ผิวน้ำสะท้อนเงาของต้นสนที่อยู่รายล้อม นับเป็นความสวยงามชนิดที่ว่าหาไม่ได้จากที่ไหน ทั้งนี้ มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว ทั้งห้องน้ำ ระบบไฟฟ้า และลานกิจกรรม ใครอยากหาที่ชิล ๆ มุมสงบ ๆ เห็นทีต้องหาโอกาสมาสักครั้ง

10. เขาจมป่า จังหวัดตรัง

          สถานที่ท่องเที่ยวที่สะท้อนความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ เพราะนักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมป่าโกงกางขนาดใหญ่ที่โอบกอดภูเขาลูกน้อยใหญ่ และแหล่งน้ำทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ สำหรับการเดินทางเข้าชมนั้น นักท่องเที่ยวจะต้องนั่งแพเข้าไปเท่านั้น และสำหรับแพที่ใช้ล่องจะเป็นของกลุ่มประมงพื้นบ้านน้ำราบที่คอยให้บริการ ซึ่งนอกเหนือจากกิจกรรมล่องแพที่เป็นไฮไลต์แล้ว ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ทั้งปลูกโกงกาง ปล่อยพันธุ์สัตว์ เรียนรู้วิถีประมง และลิ้มลองอาหารทะเลสด ๆ มีครบทั้งปูม้า, กุ้ง, หอย, ปลาหมึก และปลา จัดเต็มแบบไม่ยั้ง