ที่เที่ยวหน้าหนาว 2565 อากาศดี ๆ ชวนออกไปท่องเที่ยวไทย สัมผัสธรรมชาติทั้งขุนเขา สายหมอก เกาะสวย รวมถึงเรียนรู้วิถีชุมชน
หนาวนี้เที่ยวไหนดี คำถามยอดนิยมยามสายลมเย็น ๆ เริ่มพัดผ่านมากระทบผิวกาย ซึ่งนอกจากที่เที่ยวหน้าหนาวอย่างเขาใหญ่ ดอยอินทนนท์ ดอยอ่างขาง สังขละบุรี ภูลมโล จุดชมดอกนางพญาเสือโคร่ง หมู่เกาะสิมิลัน หรือหมู่เกาะสุรินทร์แล้ว ยังมีที่เที่ยวหน้าหนาวอีกมากมายให้ไปสัมผัส ลองกางปฏิทิน 2565 เลือกหาวันว่างแล้วปักหมุด พร้อมเก็บกระเป๋าไปตามรอยที่เที่ยวหน้าหนาวที่เราหยิบมาแนะนำกันดีกว่า
1. ดูวาฬบรูด้า ทะเลอ่าวไทย
เที่ยวทะเลหน้าหนาวกับกิจกรรมล่องเรือไปชมวาฬบรูด้าในฝั่งอ่าวไทย โดยในช่วงปลายเดือนกันยายน-ต้นเดือนธันวาคม จะเป็นช่วงเวลาที่ท้องฟ้าสดใส เหมาะกับการออกไปชมวาฬบรูด้า สำหรับพื้นที่ที่มีโอกาสพบวาฬบรูด้าได้บ่อยตั้งแต่เดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน จะอยู่บริเวณชายฝั่งอ่าวไทยรูปตัว ก หรืออ่าวไทยตอนบน ซึ่งเป็นพื้นที่ตั้งแต่อ่าวบางตะบูน แหลมผักเบี้ย และหาดเจ้าสำราญ จังหวัดเพชรบุรี ในระยะห่างจากฝั่ง 2-10 กิโลเมตร เป็นระยะที่วาฬบรูด้าว่ายน้ำกินอาหาร (ปลากะตัก) นั่นเอง จนมีการจัดเทศกาลชมวาฬบรูด้าขึ้นที่จังหวัดเพชรบุรีเป็นประจำด้วย
ทั้งนี้ สามารถติดต่อขึ้นเรือได้ 4 จุด ดังนี้
- ตำบลพันท้ายนรสิงห์ จังหวัดสมุทรสาคร นับเป็นจุดขึ้นเรือที่ใกล้กรุงเทพฯ มาก ขับรถเพียง 30 นาทีก็ถึงแล้ว จึงเป็นจุดที่หลายคนมักจะเรียกว่า จุดขึ้นเรือบางขุนเทียน กรุงเทพฯ ซึ่งในจุดนี้มีผู้ให้บริการล่องเรือดูวาฬบรูด้าหลายเจ้า
- บ้านบางตะบูน อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี บริเวณนี้จะมีร้านอาหารทะเลบรรยากาศริมน้ำที่มีบริการล่องเรือชมวาฬบรูด้าเมื่อถึงช่วงเทศกาลด้วย
- ท่าเรือแหลมผักเบี้ย ตำบลแหลมผักเบี้ย อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี จุดนี้เป็นศูนย์ติดต่อเช่าเรือของชมรมวาฬบรูด้า ตำบลแหลมผักเบี้ย ซึ่งนอกจากการล่องเรือดูวาฬแล้ว ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ เช่น ล่องเรือชมทะเลแหวก เก็บหอย เล่นโคลน ปล่อยลูกปู และปลูกป่าโกงกาง
- หาดเจ้าสำราญ อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี จุดนี้จะเป็นจุดหลักในการขึ้นเรือไปดูวาฬในเทศกาลชมวาฬ ทานปู @หาดเจ้าสำราญ ซึ่งนอกจากจะมีกิจกรรมหลักเป็นการล่องเรือดูวาฬแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถอิ่มอร่อยกับปูม้าและอาหารทะเลสด ๆ เลือกซื้อเลือกช้อปสินค้า OTOP ของตำบลหาดเจ้าสำราญ ของดีของเด็ดจากสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวฯ และฟังเพลงชิล ๆ กับบรรยากาศริมทะเล
พิกัดล่องเรือดูวาฬบรูด้า ยักษ์ใหญ่ใจดีแห่งทะเลอ่าวไทย เตรียมตัวอย่างไรก่อนไปดู
2. สะพานแดง จังหวัดสมุทรสาคร
รับลมหนาวเย็น ๆ ณ สะพานไม้หมู่บ้านประมง ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร ที่ทอดยาวไปในท้องทะเลกว้างใหญ่ สร้างมายาวนานนับสิบปี โดดเด่นด้วยสีแดงสดตัดกับท้องทะเลและธรรมชาติรอบด้านอย่างชัดเจน มีความยาวราว ๆ 200 เมตร เป็นจุดชมวิวและถ่ายภาพยอดฮิตของนักท่องเที่ยว ยามเช้าและยามเย็นวิวจะสวยงามมาก ลมทะเลพัดเย็นสบาย ๆ นอกจากนี้ในบางช่วงยังสามารถพบเห็นฝูงปลาโลมาจากบริเวณนี้ได้ด้วย
3. เขาทะลุมิติ (ถ้ำเขาทะลุ) จังหวัดราชบุรี
สถานที่ท่องเที่ยวหน้าหนาวที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นมาอย่างสวยงาม ตั้งอยู่บริเวณตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี มีลักษณะเป็นประตูซุ้มหินโค้ง หากมองจากทางด้านหน้าจะรู้สึกราวกับว่าเหมือนทะลุไปยังอีกมิติหนึ่ง นั่นจึงเป็นที่มาที่บางคนเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า “เขาทะลุมิติ” สำหรับการเดินขึ้นมายังจุดนี้ นักท่องเที่ยวจำเป็นต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะบริเวณโดยรอบเป็นหินกรวด ถ้าไม่ทันระวังก็อาจจะลื่นได้ แนะนำว่าควรใส่รองเท้าผ้าใบและสวมถุงมือสำหรับไต่เชือกมาด้วยจะดีที่สุด โดยใช้เวลาเดินประมาณ 10-15 นาที ก็จะถึงบริเวณจุดชมวิวที่มองออกไปเห็นท้องทุ่งนาสีเขียวสวยตรงหน้าแล้ว
4. อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี
อุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่ในตำบลเขาโจด อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี จากกรุงเทพฯ ระยะทางประมาณ 210 กิโลเมตร เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 17 ของประเทศ ลักษณะพื้นที่โดยทั่วไปประกอบด้วยภูเขาสลับซับซ้อน ส่วนใหญ่เป็นภูเขาหินปูน อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางระหว่าง 240-1,257 เมตร ประกอบด้วย เขากำแพง เขาไม้หอม เขาพุช้างหมอบ จุดสูงสุดคือ ยอดเขากำแพง มีความสูงประมาณ 1,260 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง
สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ เช่น ถ้ำธารลอดน้อย ภายในถ้ำมีหินงอก-หินย้อยรูปร่างต่าง ๆ และมีธารน้ำไหลลอดผ่านภายในถ้ำตลอด อีกทั้งยังมีสัตว์หายากอย่าง “จงโคร่ง” (หมาน้ำ) ด้วย, ถ้ำธารลอดใหญ่ มีลักษณะคล้ายสะพานหินธรรมชาติ ความกว้าง 60 เมตร ตัวถ้ำด้านล่างยาว 60 เมตร กว้าง 40 เมตร และสูง 40 เมตร บนเพดานถ้ำมีโพรงขนาดใหญ่ แสงแดดส่องลอดเข้ามาในถ้ำได้ และมีภาพเขียนสีรูปพญานาค, น้ำตกสไลเดอร์ สไลเดอร์ธรรมชาติที่มีความสูง 20 เมตร สามารถลื่นไหลลงมาตามกระแสน้ำสู่แอ่งน้ำเบื้องล่างได้ (เที่ยวได้เฉพาะฤดูฝน), น้ำตกไตรตรึงษ์, น้ำตกธารเงิน และน้ำตกธารทอง
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมทางเดินศึกษาธรรมชาติ เพื่อพิชิต “ยอดเขากำแพง” ปี 2565 โดยเริ่มให้เที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นต้นไป บนยอดเขากำแพงไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้แค่วันละ 30 คน สนใจจองทริปการเดินทาง หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ โทรศัพท์ 09-5619-8981 จองได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-16.30 น. ทั้งนี้ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ – Chaloemrattanakosin National Park
5. ชมหิ่งห้อยบ้านโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร
หน้าหนาวนี้ชวนเที่ยวพิจิตร ไปชมความงดงามของหิ่งห้อย ณ ตำบลโพธิ์ประทับช้าง อำเภอโพธิ์ประทับช้าง โดยจุดที่สามารถชมหิ่งห้อยได้นั้นจะอยู่บริเวณริมแม่น้ำพิจิตร ใกล้กับวัดโพธิ์ประทับช้าง ซึ่งหิ่งห้อยจะพากันออกมาส่องแสงสีเหลืองทองยามค่ำคืนบริเวณต้นไม้หนาริมแม่น้ำพิจิตร การไปชมหิ่งห้อยที่ชุมชนบ้านโพธิ์ประทับช้างไม่ได้เที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะหิ่งห้อยจะออกมาให้ชมเพียงแค่ช่วงปลายฝนต้นหนาวเท่านั้น หรือราว ๆ เดือนกันยายน-ธันวาคมของทุกปี โดยในปี 2565 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม นักท่องเที่ยวสามารถไปล่องเรือชมหิ่งห้อยได้ที่วัดโพธิ์ประทับช้าง มีเรือให้บริการทุกวันในช่วงฤดูชมหิ่งห้อย ตั้งแต่เวลา 19.00-23.00 น. ใช้เวลาในการล่องเรือประมาณ 30-40 นาที สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีบ้านโพธิ์ประทับช้าง
6. ภูชี้ดาว จังหวัดเชียงราย
จุดชมวิวขุนเขา สายหมอก และมองเห็นวิวได้ 360 องศา ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น ไม่ไกลจากภูชี้เดือน ภูชี้ฟ้า และดอยผาตั้ง มีความสูงประมาณ 1,800 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง โดยการเดินทางขึ้นไปยังยอดภูชี้ดาวจำเป็นที่จะต้องใช้รถ 4×4 (ขับเคลื่อน 4 ล้อ) เท่านั้น สามารถติดต่อขอใช้บริการจ้างเหมารถของชาวบ้าน (บ้านร่มโพธิ์เงิน) ขึ้นไปได้ อีกทั้งทางเดินขึ้นไปยังภูชี้ดาวค่อนข้างมีความลาดชัน และต้องไต่ระดับขึ้นไปตามสันเขา สองด้านเป็นเหวลึก จึงควรใช้ความระมัดระวังในการเดินค่อนข้างมาก เพราะไม่อย่างนั้นอาจเกิดอันตรายได้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก องค์การบริหารส่วนตำบลปอ จ.เชียงราย
7. ดอยผาฮี้ จังหวัดเชียงราย
ดอยในเชียงราย ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านผาฮี้ หมู่บ้านของชนเผ่าอาข่าที่ตั้งอยู่บนขุนเขาสูงตระหง่านในอำเภอแม่สาย ติดกับชายแดนไทย-เมียนมา เป็นหมู่บ้านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แถมยังสามารถมองเห็นวิวขุนเขาและสายหมอกได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ เช่น สะพานไม้ไผ่ไร่ผาฮี้, ลานสาวกอด ที่ตั้งของชิงช้าเผ่าอาข่าประจำหมู่บ้าน และที่เที่ยวเกี่ยวกับวัฒนธรรมภายในหมู่บ้าน เช่น ศาลพระภูมิ, บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์, บ้านหัวหน้าเผ่า, บ้านหมอผี, บ้านสมุนไพร และบ้านร่างทรง เป็นต้น อีกทั้งยังเป็นแหล่งปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิก้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศ ทำให้บริเวณหมู่บ้านจะมีร้านกาแฟให้ได้นั่งจิบเคล้าวิวธรรมชาติ ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายร้าน
8. ห้วยกุ๊บกั๊บ จังหวัดเชียงใหม่
หมู่บ้านน่ารัก ๆ บนดอยสูงในตำบลกื้ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 50 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านชาวเขาชนเผ่าลาหู่ (มูเซอแดง) ที่อยู่อาศัยกันประมาณ 40 หลังคาเรือน อาชีพส่วนใหญ่คือทำไร่ข้าวและปลูกผัก เสน่ห์ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวนิยมมาที่นี่คือ ธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ สามารถมองเห็นวิวยอดดอยทิวเขาสลับซับซ้อนได้เต็มตา และสัมผัสกับวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชาวเขาเผ่าลาหู่ โดยสามารถเลือกได้ทั้งขึ้นมาในช่วงเช้า และกลับลงไปในช่วงบ่าย หรือจะนอนค้างคืนที่บ้านพักชาวบ้านหรือโฮมสเตย์ก็ได้
9. จุดชมวิวฮาดู่บิ จังหวัดเชียงใหม่
จุดชมวิวขุนเขาที่ตั้งอยู่บ้านเลาวู ตำบลเมืองแหง เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของดอยหลวงเชียงดาวได้อย่างสวยงาม มีลมเย็นพัดตลอดทั้งปี ยิ่งถ้าไปเที่ยวในช่วงฤดูหนาวก็จะได้พบกับทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นที่งดงามมาก โดยการขึ้นไปยังจุดชมวิวฮาดู่บิต้องจอดรถไว้ที่หมู่บ้าน จากนั้นนั่งรถขับเคลื่อน 4 ล้อของชาวบ้านขึ้นไป ด้านบนมีสถานที่กางเต็นท์บริการ ไม่ว่าจะเป็น ฮาดู่บิ แคมป์ปิ้ง หรือ ฮาดู่บิ ม่อนชมวิวดอยหลวง ทั้งนี้ ภายในอำเภอเวียงแหงยังมีที่เที่ยวอีกมากมาย สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ที่นี่..เวียงแหง
10. ดอยปุยหลวง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
สถานที่ท่องเที่ยวหน้าหนาวที่ตั้งอยู่บ้านห้วยฮี้ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นชุมชนชาวกะเหรี่ยงปกาเกอะญอเล็ก ๆ ที่เป็นจุดเริ่มต้นในการเดินไปพิชิตยอดเขาดอยปุย ที่มีความสูง 1,722 เมตร จากระดับน้ำทะเล มีลักษณะเป็นยอดเขารูปร่างคล้ายฝาชีคว่ำ ข้างบนยอดแบนราบ มีทุ่งหญ้ากว้างใหญ่คล้ายภูกระดึง อากาศหนาวจัด ตามสองข้างทางจะพบเห็นสังคมพืชและสัตว์ที่อุดมสมบูรณ์ รวมทั้งปรงเขา ดอกไม้ป่านานาชนิด จุดที่น่าสนใจคือ ผาเพียงฟ้า กุหลาบพันปี ซากเครื่องบินญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ตกบริเวณนี้ด้วย ทั้งนี้ การไปเที่ยวดอยปุยหลวงต้องมีไกด์ของชุมชนนำเที่ยวทุกครั้ง
11. บ้านป่าหวาย จังหวัดตาก
บ้านป่าหวาย ตั้งอยู่ที่หมู่ 3 ตำบลคีรีราษฎร์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกที่งดงาม ช่วงราว ๆ ประมาณ 6-7 โมงเช้า (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของแต่ละวัน) โดยจุดชมวิวจะอยู่ห่างจากหมู่บ้านเพียง 1 กิโลเมตร จากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านป่าหวาย ให้เลี้ยวซ้ายซอยคอนกรีตข้าง ๆ ไป 2 กิโลเมตร ก็จะถึงแล้ว อ๊ะ ๆ ขอย้ำสักนิดว่าอย่าลืมช่วยกันรักษาความสะอาด เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ทำการเกษตรของชาวบ้านแถวนั้น ขอความร่วมมือถ้าไปถ่ายรูปหรือชมวิวก็อย่าไปทำลายพืชผลทางการเกษตรกันนะ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ททท. สำนักงานตาก
หมายเหตุ : รถยนต์และรถจักรยานยนต์สามารถเข้าไปได้ ถนนจะเป็นคอนกรีตแค่เลนเดียว ต้องขับขี่ด้วยความระมัดระวัง
12. อุทยานแห่งชาติดอยหลวง จังหวัดเชียงราย จังหวัดลำปาง และจังหวัดพะเยา
อุทยานแห่งชาติลำดับที่ 61 ของประเทศไทย มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอแม่สรวย อำเภอพาน อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง และอำเภอแม่ใจ อำเภอเมืองพะเยา มีลักษณะเป็นภูเขาสูงชันสลับซับซ้อน มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 400-1,700 เมตร
สถานที่ท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติดอยหลวง ได้แก่ ยอดดอยหลวง-ดอยหนอก ยอดดอยหลวงเป็นจุดสูงสุดของสันเขาดอยหลวง มีความสูง 1,694 เมตร จากระดับน้ำทะเล ส่วนยอดดอยหนอกเป็นเขาหินปูนที่มีความสูงและชันมาก ตั้งอยู่บนสันเขาดอยหลวง มีความสูง 1,077 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นจุดชมทิวทัศน์ได้ 360 องศา ในฤดูหนาวจะมีทะเลหมอกให้ได้ชมกัน, น้ำตกปูแกง ตั้งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยาน 500 เมตร เป็นน้ำตกหินปูนขนาดใหญ่ มีทั้งหมด 9 ชั้น แต่ละชั้นอยู่ห่างกันประมาณ 100 เมตร ทุกชั้นสามารถลงเล่นน้ำได้
น้ำตกแม่เหยี่ยน น้ำตกสูงชัน น้ำใสสะอาด ลดหลั่นกันมาเป็นชั้น ๆ จำนวน 7 ชั้น มีความสูงประมาณ 1,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล, น้ำตกจำปาทอง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีชั้นที่ 2 และชั้นที่ 3 เป็นชั้นที่สูงและสวยที่สุด, น้ำตกวังแก้ว เกิดจากการทับถมของหินปูนที่ปนมากับน้ำ มีความสูงและชั้นของน้ำตกถึง 102 ชั้น รวมถึงมีน้ำตลอดทั้งปี และน้ำตกธารทอง น้ำตกหินปูนขนาดเล็ก ลดหลั่นเป็นชั้น ๆ หลายสิบชั้น รวมกันสูงประมาณ 30 เมตร บริเวณน้ำตกร่มรื่นไปด้วยพรรณไม้ และมีแอ่งน้ำให้เล่นได้
สำหรับเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะไกล ดอยหลวง-ดอยหนอก จะเป็นโปรแกรมขึ้นดอย 2 วัน 1 คืน โดยต้องอบรมก่อนขึ้น 1 วัน ในช่วงเวลา 15.00-16.00 น. ณ สวนสุขภาพบ้านสันเวียงใหม่ ตำบลบ้านสาง อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา (หากท่านใดไม่เข้ารับการอบรมถือว่าสละสิทธิ์ และจะไม่อนุญาตให้เข้าเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติโดยเด็ดขาด) โดยการเดินจะต้องเดินป่าและพักแรมในป่า เส้นทางเดินจะผ่านป่าดึกดำบรรพ์ ป่าสนเขา และทุ่งหญ้า ซึ่งจะต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง
ทั้งนี้ อุทยานแห่งชาติดอยหลวง ปิดทำการเพื่อฟื้นฟูสภาพป่าทุกวันที่ 1 กันยายน – 31 ตุลาคม ของทุกปี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติดอยหลวง Doi-Luang National Park
13. ดอยสกาด จังหวัดน่าน
ดอยสวยที่อยู่บนภูเขาสูงในตำบลสกาด อำเภอปัว เป็นชุมชนเล็ก ๆ ของชาวไทยภูเขาเผ่าลัวะ ที่ยังคงรักษาวิถีชีวิตไว้อย่างเรียบง่าย บ้านของชาวบ้านบางหลังได้ปรับปรุงให้กลายเป็นโฮมสเตย์ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการหนีความวุ่นวายจากเมืองใหญ่เข้ามาพักผ่อนสัมผัสกับชุมชนอันเงียบสงบ รายล้อมไปด้วยธรรมชาติสวย ๆ โดยเฉพาะวิวทิวทัศน์ของขุนเขาน้อยใหญ่ ยามค่ำคืนก็นอนมองทะเลดาวที่ส่องประกายแวววับทั่วทั้งท้องฟ้า นอกจากนี้อาหารพื้นบ้านของที่นี่ยังอร่อยกลมกล่อม ปลอดสารพิษ มีกาแฟเข้มข้นให้ชิมลิ้มลองทุกวัน ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก TAT NAN ททท.สำนักงานน่าน
14. อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดเลย
อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน เป็นอุทยานที่กินพื้นที่ถึง 2 จังหวัด คือ อำเภอชุมแพ อำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น และอำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย มีลักษณะเป็นหน้าผาสูงชัน คล้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าเป็นริ้ว ๆ มองเหมือนม่านผืนใหญ่ มีเนื้อที่ประมาณ 350 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 218,750 ไร่ เป็นพื้นที่แหล่งต้นน้ำลำธาร และมีจุดเด่นทางธรรมชาติที่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว เช่น ภูเขา ถ้ำพญานาคราช ถ้ำลายแทง น้ำตกตาดใหญ่ น้ำตกพลาญทอง และน้ำตกตาดฮ้อง เป็นต้น ไฮไลต์ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวคือ ถ้ำค้างคาว โดยเฉพาะในช่วงเวลาประมาณ 5-6 โมงเย็น จะมีฝูงค้างคาวบินออกมาหากินเป็นขบวน
15. ภูบ่อบิด จังหวัดเลย
ที่เที่ยวหน้าหนาวที่ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเลยเพียง 3 กิโลเมตรเท่านั้น อยู่ในเขตวนอุทยานภูบ่อบิด มีความสูงจากระดับน้ำทะเลราว 500-600 เมตร ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ชมวิวทะเลหมอก พระอาทิตย์ขึ้นและตกดิน แถมยังได้เห็นวิวของเมืองเลยด้วย โดยจะต้องเดินเท้าขึ้นไปยังยอดภูบ่อบิดเป็นระยะทาง 670 เมตร เป็นทางเดินบันได ไม่ลำบากมากนัก ใช้เวลาประมาณ 20 นาที เมื่อขึ้นไปแล้วก็จะสามารถมองเห็นวิวโดยรอบเมือง พร้อมขุนเขาต่าง ๆ อีกทั้งยังมีจุดนมัสการพระพุทธรูป ณ ถ้ำแดง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ภูบ่อบิด
16. ภูลำดวน จังหวัดเลย
ภูสวยที่ตั้งอยู่ในตำบลปากชม อำเภอปากชม มีลักษณะเป็นยอดเขาสูงอยู่ริมแม่น้ำโขง สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 368 เมตร ซึ่งสามารถมองเห็นวิวโดยรอบได้แบบพาโนรามา รวมทั้งยังสามารถมองเห็นวิวของแขวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว ได้อีกด้วย ในช่วงฤดูหนาวบริเวณนี้จะสามารถมองเห็นทะเลหมอกเหนือลำน้ำโขงได้ไกลสุดลูกหูลูกตา นักท่องเที่ยวจะได้เห็นพระอาทิตย์ค่อย ๆ โผล่ขึ้นจากทะเลหมอกและขุนเขาโดยรอบ อากาศหนาวเย็น บรรยากาศเงียบสงบ นอกจากนี้หากต้องการที่จะมาพักค้างแรม ด้านบนภูลำดวนก็มีพื้นที่สำหรับกางเต็นท์ไว้รองรับ ทั้งนี้ จากบริเวณหมวดการทางปากชมขึ้นมายังภูลำดวนจะมีระยะทาง 1.5 กิโลเมตร สามารถขึ้นไปได้ 2 วิธี คือ เดินและนั่งรถอีแต๊กของชาวบ้าน หากเดินขึ้นไปด้านบนจะใช้เวลา 25-30 นาที ส่วนนั่งรถอีแต๊กจะใช้เวลา 10-15 นาที
17. จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นภูค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
จุดชมวิวทิวทัศน์ในอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ตั้งอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 46 ของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 (หล่มสัก-ชุมแพ) จากนั้นเดินเท้าต่อขึ้นไปอีกประมาณ 100 เมตร จะพบกับจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นภูค้อ โดยบนนี้มองเห็นวิวของป่าเขาได้กว้างไกล เช่น ภูหลวง ภูกระดึง ภูเขียว และภูผาจิต ซึ่งเป็นภูที่สูงที่สุดในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว นอกจากนี้ทางอุทยานยังได้จัดทำเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติไปยังศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ระยะทาง 4 กิโลเมตร อีกด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว Namnao National Park
18. ภูหนอง จังหวัดหนองคาย
จุดชมวิวทะเลหมอกสวย ๆ ในบ้านโนนสว่าง ตำบลบ้านม่วง อำเภอสังคม เกิดจากความร่วมมือของชาวบ้าน ที่ร่วมใจกันทำเส้นทางปรับพื้นที่ในการชมทะเลหมอก โดยจุดเด่นของภูหนอง คือ นักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมกับวิวทิวทัศน์โดยรอบ 360 องศา ชมได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก นอกจากนี้ยังได้ชมวิวทิวทัศน์ริมฝั่งแม่น้ำโขง ชมพันโขดแสนไคร้ หรือแกรนด์แคนยอนหนองคาย ซึ่งมีลักษณะเป็นโขดหินและเกาะแก่งกลางแม่น้ำโขงอีกด้วย ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถอีแต๊กของชาวบ้านขึ้นไปยังจุดชมวิว ทางขึ้น-ลงสะดวก และยังได้สัมผัสกับธรรมชาติสองข้างทาง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ทะเลหมอกภูหนอง อ.สังคม จ.หนองคาย และ เฟซบุ๊ก ที่นี่ภูหนอง
19. ภูหมู จังหวัดมุกดาหาร
ที่เที่ยวหน้าหนาวในจังหวัดมุกดาหาร เป็นจุดชมทิวทัศน์ของอำเภอนิคมคำสร้อย มองเห็นทุ่งนาและไร่สวนของชาวบ้านไกลสุดลูกตา โดยในช่วงฤดูหนาวลมจะพัดแรงและหนาวมาก ยอดภูมีความสูง 356 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง สมัยก่อนบริเวณนี้มีหมูป่าชุกชุมมาก ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติภูสระดอกบัว ที่ ภบ.1 (ภูหมู) มีร่องรอยโรงเรือนที่ทหารอเมริกันใช้พักอาศัยหลงเหลือให้ชม นอกจากนี้ยังพักค้างแรมในบ้านพักหรือเต็นท์ตามที่อุทยานจัดไว้ให้ได้ (ติดต่อเจ้าหน้าที่ล่วงหน้า) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติภูสระดอกบัว – Phu Sa Dok Bua National Park
20. บ้านคีรีวงกต จังหวัดอุดรธานี
หมู่บ้านท่องเที่ยวตั้งอยู่ในอำเภอนายูง ที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติเขียวขจีของอุทยานแห่งชาติน้ำโสม-นายูง อีกทั้งยังเป็นแหล่งเชื่อมโยงทางวิถีวัฒนธรรม เพราะอยู่ติดกับอำเภอปากชม จังหวัดเลย และอำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย ที่นี่จึงเปิดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้าน ตลอดจนแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมนั่งรถอีแต๊กข้ามลำธาร ไปกินข้าวกลางป่าจากฝีมือชาวบ้าน ซึ่งการไปเที่ยวหมู่บ้านคีรีวงกตจะเลือกเที่ยวแบบไปเช้า-เย็นกลับ หรือค้างคืนนอนโฮมสเตย์ด้วยก็ได้ ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ททท.สำนักงานอุดรธานี-TatUdon
ภาพจาก : Hoowy / shutterstock.com
21. ดำน้ำเกาะทะลุ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เที่ยวทะเลหน้าหนาว ดำดิ่งสู่โลกใต้ทะเล ณ เกาะทะลุ ตั้งอยู่ในฝั่งอ่าวไทย ในเขตตำบลทรายทอง อำเภอบางสะพานน้อย แหล่งดำน้ำดูปะการังและสัตว์น้ำชนิดต่าง ๆ โดยการไปเที่ยวเกาะทะลุสามารถติดต่อซื้อแพ็กเกจเรือนำเที่ยว ดำน้ำแบบไปเช้า-เย็นกลับจากบริษัทและที่พักต่าง ๆ ซึ่งมีอุปกรณ์ดำน้ำตื้น ชูชีพ และอาหารกลางวัน หรือไม่ก็ติดต่อเหมาเรือประมงจากเจ้าของเรือโดยตรง บริเวณปากคลองบางสะพานน้อย ฝั่งฝ่ายท่า บริเวณปากคลองฝั่งแดง และที่ชุมชนบ้านบางเบิด แต่อาจต้องเตรียมอุปกรณ์ดำน้ำต่าง ๆ ไปเอง เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการความเป็นส่วนตัว และจอดแวะพักตรงจุดไหนก็ได้ตามต้องการ
22. บ้านอ่าวคราม จังหวัดชุมพร
ชุมชนชาวประมงขนาดกะทัดรัดในตำบลด่านสวี อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ที่สร้างบ้านยื่นลงไปในทะเล ด้านข้างเป็นภูเขาและสวนมะพร้าว บรรยากาศค่อนข้างส่วนตัวและเงียบสงบ ซึ่งชาวบ้านเปิดเป็นโฮมสเตย์ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าพัก พร้อมสัมผัสกับวิถีชีวิตต่าง ๆ ทั้งการบามหมึก เป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านและมีแค่ในบริเวณนี้เท่านั้น การล่องเรือตกหมึก การไปดำน้ำชมปะการังตามเกาะต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้เคียง และยังได้อิ่มอร่อยไปกับอาหารทะเลสด ๆ โดยเกาะที่นิยมไปเที่ยวชมคือ “เกาะกุลา” เกาะเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร มีหาดทรายขาวสะอาด รอบ ๆ เกาะจะมีแนวปะการังกว้างประมาณ 50-150 เมตร ให้ได้ไปแหวกว่ายดำน้ำชมกันอย่างจุใจ ที่สำคัญเที่ยวได้ทุกฤดูกาล
23. บ้านเกาะกลาง จังหวัดกระบี่
เกาะเล็ก ๆ กลางทะเลกระบี่ ตั้งอยู่ในตำบลคลองประสงค์ อำเภอเมือง เป็นชุมชนที่อยู่บนเกาะกลางน้ำ ชาวบ้านบนเกาะนับถือศาสนาอิสลามเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ (ควรงดนำเนื้อหมูและของมึนเมาต่าง ๆ ขึ้นไปบนเกาะ) ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย รักษาวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมไว้อย่างดี ที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้ดื่มด่ำกับวิถีชีวิตชุมชน นาข้าวสีเขียวพันธุ์สังข์หยด ได้เรียนรู้วิธีการทำผ้าปาเต๊ะที่มีลวดลายและสีสันสดใส ผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ และการทำเรือหัวโทงจำลอง พร้อมทั้งลิ้มรสอาหารทะเลสด ๆ จากทะเล อีกทั้งยังมีโฮมสเตย์รองรับนักท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบ ทั้งนี้ การเดินทางไปยังเกาะกลางสามารถข้ามเรือได้ 2 ท่า คือ ท่าเรือสวนสาธารณะธารา-ท่าเล และท่าเรือเจ้าฟ้า-ท่าหิน บนเกาะมีมอเตอร์ไซค์รับจ้างและรถสามล้อพ่วงข้างให้บริการ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก Kohklang บ้านเกาะกลาง
24. เขาจมป่า จังหวดตรัง
เขาจมป่า ตั้งอยู่ที่ชุมชนบ้านน้ำราบ ตำบลบางสัก อำเภอกันตัง เป็นจุดชมวิวแบบพาโนรามา 360 องศา สามารถมองเห็นวิวของป่าโกงกางอันอุดมสมบูรณ์ มีคลองน้ำที่คดเคี้ยวไหลผ่าน และยังมองเห็นวิวทะเลเป็นฉากหลัง นอกจากนี้ระหว่างทางยังผ่านอุโมงค์โกงกาง มีความยาวเกือบ 1 กิโลเมตร ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติและอากาศเย็นสบาย โดยจะเข้าไปได้ในช่วงที่น้ำขึ้น และการนั่งเรือต่อเพื่อไปดูพระอาทิตย์ตก ชมวิวที่ทะเลแหวกหรือสันทรายที่จะโผล่ขึ้นมาตอนน้ำลดเท่านั้น สามารถเดินลงไปถ่ายรูปเล่น หรือนั่งรอชมพระอาทิตย์ตกได้ ทั้งนี้ การไปท่องเที่ยวที่นี่แนะนำว่าให้จองมาก่อนล่วงหน้า เพราะต้องใช้บริการเรือนำเที่ยวของชาวบ้าน ซึ่งเป็นวิสาหกิจชุมชน มีให้เลือก 2 แบบ คือ เรือหางยาวเหมาลำ และแพนำเที่ยว สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก เขาจมป่า จ.ตรัง
25. ชุมชนท่องเที่ยวเกาะหมาก จังหวัดพัทลุง
ชุมชนท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบสงขลา รายล้อมไปด้วยผืนน้ำกว้างขวาง บนเกาะเต็มไปด้วยไร่สวนเขียวขจีร่มรื่น ชาวบ้านอยู่อาศัยกันอย่างเรียบง่าย บรรยากาศเงียบสงบ หากได้เข้าไปเที่ยวที่ชุมชนก็จะได้ทำกิจกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการปั่นจักรยานเที่ยวชมรอบ ๆ ซึมซับบรรยากาศของทะเลสาบ, การนั่งกินข้าวชมทะเลยอและพระอาทิตย์ตกริมทะเลสาบ, การนั่งเรือไปชมเกาะเล็กเกาะน้อยในทะเลสาบ, การทำบ้านปลา และการทำกิจกรรมร่วมกับชุมชนอีกหลากหลายแบบ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ท่องเที่ยวโดยชุมชนตำบลเกาะหมาก
26. อุทยานแห่งชาติเกาะตะรุเตา จังหวัดสตูล
ลงใต้ไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติเกาะตะรุเตา เจ้าของฉายาอัญมณีงามแห่งท้องทะเลอันดามัน ที่ถูกจัดให้เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 8 ของไทย ประกอบไปด้วย พื้นที่เกาะตะรุเตา เกาะอาดัง เกาะราวี และเกาะอื่น ๆ ในท้องที่ตำบลเกาะสาหร่าย อำเภอเมือง จังหวัดสตูล
สถานที่ท่องเที่ยวภายในอุทยาน เช่น เกาะตะรุเตา สถานที่ตั้งที่ทำการอุทยาน เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในอุทยานแห่งชาติตะรุเตา, เกาะหลีเป๊ะ เกาะรูปร่างคล้ายกับบูมเมอแรง มีพื้นที่เพียงแค่ราว ๆ 3 กิโลเมตร หาดทรายขาวสะอาด เนียนละเอียด น้ำทะเลใสแจ๋ว, เกาะไข่ มีซุ้มประตูหินธรรมชาติที่ทอดโค้งจากผืนทรายจรดน้ำ หาดทรายขาวละเอียด เป็นจุดวางไข่ของเต่าทะเล, เกาะอาดัง ที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ 5 (แหลมสน) เกาะขนาดใหญ่ มีหาดทรายขาวสะอาด พร้อมด้วยพื้นที่ป่าเขาอุดมสมบูรณ์ ในอดีตเป็นจุดซ่องสุมของโจรสลัด ปล้นสะดมเรือ ด้วยมีภูเขาสูงกว่า 690 เมตร ซึ่งสามารถใช้เป็นจุดสังเกตการณ์ได้กว้าง 360 องศา, เกาะราวี มีหาดทรายขาว น้ำใส เงียบสงบ สามารถกางเต็นท์ได้ พร้อมทั้งดำน้ำตื้นและดำน้ำลึก และเกาะหินงาม ที่มีหินสีดำก้อนกลมมนเกลี้ยง พอคลื่นทะเลซัดก็จะสะท้อนแสงเป็นประกายแวววับ
ภาพจาก : Nos SeaStar / shutterstock.com
เที่ยวหน้าหนาวภาคตะวันออก
27. หาดน้ำใส จังหวัดชลบุรี
หาดสวยน้ำทะเลใสที่ตั้งอยู่ในเขตของกองทัพเรือ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ เป็นชายหาดยาวและมีความสวยงาม บริเวณชายหาดขาวสะอาด น้ำทะเลเป็นสีฟ้าใสแจ๋ว เหมาะแก่การเล่นน้ำ อีกทั้งยังมีนักท่องเที่ยวไม่เยอะ ทำให้บรรยากาศเงียบสงบ มีห้องน้ำแยกเป็นสัดส่วนอย่างชัดเจน มีร้านค้าให้บริการ พร้อมทั้งที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจจะพักค้างคืน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก บ้านรับรอง หาดน้ำใส Namsai Beach Resort
28. หาดแหลมเสด็จ จังหวัดจันทบุรี
ชายหาดที่ตั้งอยู่บริเวณตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่ โดยชื่อแหลมเสด็จนั้นมาจากเมื่อปี พ.ศ. 2523 สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ได้เสด็จฯ มาลงกล้าต้นไม้บริเวณชายหาด ชาวบ้านจึงเรียกหาดแห่งนี้ว่าหาดแหลมเสด็จ โดยชายหาดมีลักษณะเป็นโค้งคล้ายเสี้ยวพระจันทร์ มีระยะทางประมาณ 2-3 กิโลเมตร มีแนวต้นสนร่มรื่นตลอดแนวชายหาด สามารถมานั่งเล่น ชมวิวทะเลได้ชิล ๆ นอกจากนี้ยังมีที่พักให้เลือกหลากหลายแบบทั้งติดทะเลและแบบที่มีต้นไม้น้อยใหญ่ล้อมรอบ อีกทั้งบางรีสอร์ตยังมีอาหารทะเลสด ๆ ให้บริการด้วย
29. บ้านแหลมกลัด จังหวัดตราด
ชุมชนริมทะเลที่ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองตราด ในอดีตเคยเป็นพื้นที่ห่างไกลและยังเป็นชุมโจร แต่รัชกาลที่ 5 ได้ตรัสให้ข้าราชบริพารเข้ามาดูแลพื้นที่ จนได้ชื่อว่า “แหลมตรัส” และเพี้ยนมาเป็น “แหลมกลัด” มีแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมหลากหลาย นักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะได้สัมผัสทั้งหาดทรายขาวทอดยาวขนานไปกับทะเลอ่าวไทยหลายกิโลเมตร ได้ไปเที่ยวชมวิถีชีวิตของชาวประมงสุดเรียบง่าย ใครไม่ชอบทะเลก็มีน้ำตกสะพานหินให้ไปเล่นน้ำกันอย่างจุใจ และยังมีป่าชายเลนให้เดินเที่ยวชมชิล ๆ อีกต่างหาก ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน ก็จะได้นั่งเรือออกไปชมโลมา หรือไปกินอาหารทะเลสด ๆ พร้อมค้างคืนเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชนสัก 2 วัน 1 คืน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ท่องเที่ยวชุมชนบ้านแหลมกลัด
30. อุทยานแห่งชาติปางสีดา จังหวัดสระแก้ว และจังหวัดปราจีนบุรี
อุทยานแห่งชาติลำดับที่ 41 ของประเทศไทย ครอบคลุมท้องที่อำเภอตาพระยา อำเภอวัฒนานคร อำเภอเมืองจังหวัดสระแก้ว และอำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ ประกอบด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญและมีค่า มีเอกลักษณ์ทางธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง
จุดเด่นที่น่าสนใจ ได้แก่ น้ำตกปางสีดา น้ำตกผาตะเคียน กลุ่มน้ำตกแควมะค่า กลุ่มน้ำตกถ้ำค้างคาว ภูเขาเจดีย์ ฟอสซิลไดโนเสาร์ แหล่งดูนกน้ำอ่างเก็บน้ำพระปรง และเป็นสถานที่ชมผีเสื้อที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย มีผีเสื้อมากกว่า 400 ชนิด ให้ได้ไปเที่ยวชมในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมของทุกปี จนได้รับการยอมรับว่าเป็นแหล่งดูผีเสื้อแห่งภาคตะวันออก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติปางสีดา – Pang sida National Park
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก :
chumchontongtiew.com
, thai.tourismthailand.org, samutsakhon.go.th, tatcontactcenter.com,
portal.dnp.go.th
, 7greens.tourismthailand.org, เฟซบุ๊ก พาไปดู, portal.dnp.go.th, i-san.tourismthailand.org, portal.dnp.go.th, tatcontactcenter.com, portal.dnp.go.th, laemglad.go.th, 7greens.tourismthailand.org, sakaeo.go.th
