วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน คศ. 2025
  • Login
ชลบุรี
Advertisement
  • เมืองชลบุรี
  • บ่อทอง
  • บางละมุง
  • บ้านบึง
  • พนัสนิคม
  • พานทอง
  • ศรีราชา
  • สัตหีบ
  • หนองใหญ่
  • เกาะจันทร์
  • เกาะสีชัง
No Result
View All Result
Chonburi
  • เมืองชลบุรี
  • บ่อทอง
  • บางละมุง
  • บ้านบึง
  • พนัสนิคม
  • พานทอง
  • ศรีราชา
  • สัตหีบ
  • หนองใหญ่
  • เกาะจันทร์
  • เกาะสีชัง
No Result
View All Result
ชลบุรี
No Result
View All Result
Home ชลบุรี

โมเดล BCG ในเวที APEC 2022 วาทกรรมเศรษฐกิจฟอกเขียวกลุ่มทุนผูกขาดโมเดล

by อำเภอ บ่อทอง
พฤศจิกายน 15, 2022
in ชลบุรี, บ่อทอง
Reading Time: 3 mins read
0 0
0
SHARES
0
VIEWS
Share on FacebookShare on Twitter

การเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (APEC 2022) ที่กรุงเทพมหานครในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ตีคู่มากับกระแสวิพากษ์วาระซ่อนเร้นที่รัฐบาลเอื้อต่อกลุ่มทุนใหญ่และปัญหาการละเมิดสิทธิหลายด้านของประชาชน โดยโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy Model: BCG) ได้ถูกผลักดันให้เป็นหัวใจหลักของการประชุมครั้งนี้

ภายใต้ฉากหน้าของยุทธศาสตร์การพัฒนาทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม อาจถูกซ้อนหลังด้วยประตูบานใหญ่ที่ถูกเปิดอ้าไว้เพื่อกลุ่มทุน นั่นจึงเป็นที่มาของงานเสวนา ‘วิพากษ์การประชุม APEC และแผนปฏิบัติการ BCG เพื่อผลประโยชน์ใคร’ โดยกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch) จัดร่วมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

งานเสวนามีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนและชี้ข้อเท็จจริงที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้แผนปฏิบัติการ BCG ที่ว่าด้วยการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน แต่กลับพบว่าในหลายๆ โครงการนั้นนำมาสู่การทำลายพื้นที่ธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ รวมไปถึงสั่นคลอนความมั่นคงทางอาหารและสุขภาพของประชาชนในประเทศไทยเอง

BCG Model เปลี่ยนไทยให้เป็นหลุมขยะโลก

นับตั้งแต่ประเทศไทยได้เข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น (AJCEP) เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2551 ก็ทำให้มีขยะมีพิษจำนวนมหาศาลถูกนำเข้ามาทิ้งในไทย เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH) ได้กล่าวเตือนเอาไว้ว่า สถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายมากขึ้นหาก BCG Economy Model ของไทยสามารถผลักดันสู่เวที APEC 2022 ได้สำเร็จ เพราะจะมีขยะอันตรายอย่างพลาสติกถูกนำมารีไซเคิลบนแผ่นดินไทยมากขึ้น โดยปราศจากการคำนึงถึงผลกระทบด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม อาจจะทำให้เกิดการปนเปื้อน รวมไปถึงความเจ็บป่วยระยะยาวของคนไทยในพื้นที่

เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง

BCG นับเป็น Agenda ของรัฐบาลไทยที่ต้องการผลักดันเข้าสู่ APEC โดยมีเป้าหมาย 4 ด้าน อาทิ ‘บริหารจัดการของเสียและขยะอย่างยั่งยืน’ เพื่อหมุนเวียนขยะในประเทศไทยและในระดับโลก ทำให้แผนการ BCG ดูมีความ ‘เขียว’ เป็นอย่างมาก ทว่าปัญหาสำคัญที่น่าเคลือบแคลงกลับสามารถพบในเป้าหมายข้อเดียวกันนี้เช่นกัน เนื่องจากมีผลกระทบโดยตรงกับเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy: CE) หรือก็คือการนำของเสียกลับมาแปรรูปใหม่ โดยแผนการของ BCG กลับจะทำให้ขยะอันตรายจำนวนมากถูกส่งมาที่ประเทศไทย เนื่องจากประเทศจีนที่แต่เดิมเป็นประเทศปลายทางเริ่มปิดกั้นการรับขยะมารีไซเคิลแล้ว เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาฝุ่นควัน PM2.5 และสุขภาพของชาวจีน เพราะการรีไซเคิลพลาสติกจะทำให้เกิดมลพิษเป็นจำนวนมาก เป้าหมายใหม่ของโลกจึงเบนเข็มมาที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะประเทศไทยที่เริ่มแก้กฎหมายเพื่อเอื้อการนำเข้าพลาสติกตั้งแต่ปี 2551 จนทำให้สามารถรับขยะพลาสติกจากสหรัฐอเมริกาได้สะดวกยิ่งขึ้น

ปัจจุบันโรงงานหลอมพลาสติกจำนวนมากกระจุกตัวอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) โดยจังหวัดฉะเชิงเทราถูกตั้งให้เป็นศูนย์กลางของการตั้งและขยายโรงงานรีไซเคิลของเสียจากภาคอุตสาหกรรม พื้นที่ดังกล่าวจึงอยู่ในความเสี่ยงด้านทรัพยากรธรรมชาติและชีวิตมนุษย์เป็นอย่างมาก โดยที่ประเด็นเหล่านี้ไม่ได้ถูกพูดถึงในโครงการ BCG เลย ซ้ำร้ายหลายพื้นที่ที่มีการลุกขึ้นมาต่อต้านโครงการเหล่านี้โดยผู้อยู่อาศัยกลับถูกเจ้าหน้าที่รัฐดำเนินคดีอีกด้วย ดังที่เกิดขึ้นมาแล้วในการชุมนุมของชาวบ้านอำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี ที่ต่อต้านการสร้างโรงงานรีไซเคิลของนักลงทุนจีนในเขตปลอดอากร เป็นต้น

กากของอุตสาหกรรมและการรีไซเคิลขยะจึงยังกระจุกตัวอยู่ในภาคตะวันออกของประเทศไทย และกำลังขยายตัวไปยังภาคตะวันตกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากขึ้น ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลมองข้าม เนื่องจากให้ความสำคัญแต่เพียงกลุ่มทุนใหญ่และประเทศมหาอำนาจ ซึ่งจะทำให้พื้นที่อยู่อาศัยและพื้นที่ทางการเกษตรจำนวนมากของไทยปนเปื้อน ขณะเดียวกันการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะถึง 44 แห่ง (และกำลังจะมีมากขึ้นในอนาคต) ก็จะยิ่งต้องนำเข้าขยะมากขึ้น ซึ่งจะยิ่งผลิตสาร Dioxins อันเป็นสารที่ก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นกว่าเดิม ท้ายสุดแล้วนอกจากประเทศไทยจะเป็นหลุมขยะโลกแล้ว ยังจะกลายเป็นโรงงานผลิต Dioxins อันดับต้นๆ ของโลกอีกด้วย 

สุดท้ายนี้ เพ็ญโฉมได้แสดงความห่วงใยต่ออนาคตประเทศไทยเอาไว้ว่า ไม่มีการรีไซเคิลใดที่ปลอดภัย โดยเฉพาะการรีไซเคิลพลาสติกที่มีความอันตรายสูง หากประเทศไทยจะนำขยะรีไซเคิลมาใช้เป็นบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารนั้นจะต้องคิดให้มาก เนื่องจากมีการรณรงค์อยู่เสมอว่าไม่ควรใช้ ไม่ปลอดภัย และการรีไซเคิลพลาสติกคือกระบวนการหนึ่งที่ทำให้อุตสาหกรรมพลาสติกยังคงเดินหน้าต่อไปได้

กลุ่มทุนผูกขาดจะทำลายความหลากหลายทางชีวภาพด้วย BCG

โครงการ BCG นี้มีความผูกพันกับสภาวะทางชีวภาพของประเทศไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งในช่วงแรกยังไม่มีรายละเอียดจากภาครัฐมากนัก วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ เลขาธิการมูลนิธิชีววิถี (BIOTHAI) เห็นด้วยในเชิงหลักการของการเคารพความหลากหลายทางชีวภาพ และการมีส่วนร่วมของประชาชน ทว่าในกรอบยุทธศาสตร์ BCG กลับเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับหลักการที่ควรจะเป็น ซ้ำยังส่อเจตนา ‘ฟอกเขียว’ ให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ในไทย เป็นการเปิดโอกาสให้กลุ่มทุนเหล่านี้ได้พบปะกับแหล่งทุนและว่าที่หุ้นส่วนใหญ่ระดับโลก และพยายามทำให้แผนการ ECG ได้รับการยอมรับจากที่ประชุม APEC เพื่ออ้างความชอบธรรมให้แก่กลุ่มทุนในการดำเนินโครงการภายในประเทศต่อไป

วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ

ในปี 2561-2562 ช่วงแรกเริ่มของการสร้างแผนโครงการ BCG รัฐบาลได้ระบุถึงความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรม ว่าคือข้อได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบ (comparative advantage) ของไทย ซึ่งโครงการ BCG ระบุว่าจะนำเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์มาผลักดันเพื่อนำประเทศไทยออกจากกับดักรายได้ปานกลาง ทว่ากลับไม่เกิด ‘สี่ประสาน’ (quadruple helix) ในการขับเคลื่อน คือไม่ปรากฏการทำงานร่วมกันของภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม และสถาบันทางวิชาการ แท้จริงแล้วภายใต้โครงการนี้กลับมีเพียงภาครัฐและเอกชนเท่านั้นที่มีอำนาจในการตัดสินใจ ซ้ำร้ายในบางคณะกรรมการกลับมีเพียงแค่เอกชนเท่านั้น ไม่มีฝ่ายอื่นเลยในการขับเคลื่อน 

เท่ากับว่าคณะกรรมการขับเคลื่อนที่มีกลุ่มทุนผูกขาดอยู่ในตำแหน่ง ‘ผู้แทน’ ของบริษัทเอกชน รวมไปถึงมีตำแหน่งซ้อนเป็นคณะกรรมการใหญ่ร่วมกับกลุ่มอำนาจรัฐ สามารถเสนอแนะให้มีการแก้ไขกฎหมายในการดำเนินงานของ BCG ได้ ซ้ำร้ายแผนโครงการนี้จะอยู่ยาวถึงปี 2570 เนื่องจากมีผลผูกพันกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 ซึ่งจะมีผลสำคัญโดยตรงต่อความหลากหลายทางชีวภาพ เนื่องจากจะมีการแก้ไขกฎหมายคุ้มครองพันธ์ุพืช พ.ศ. 2540 ทั้งที่กฎหมายฉบับนี้คือแม่แบบของการมุ่งไปสู่กรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่สหประชาชาติแนะนำแก่ประเทศอื่น 

หากเกิดการแก้ไขนิยามของ ‘พันธ์ุพืชพื้นเมืองทั่วไป’ ด้วยข้ออ้างว่าเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาสายพันธุ์ของบริษัทเอกชน ก็จะทำให้เอกชนเป็นฝ่ายได้ประโยชน์มากกว่าเกษตรกรทั่วไปในประเทศ โดยเฉพาะเมื่อการแก้ไขกฎหมายนี้ถูกเสนอขึ้นโดยกลุ่มทุนผูกขาดด้านการเกษตรเอง ความหลากหลายของชีวภาพในไทยก็จะตกอยู่ในอันตราย ซ้ำร้ายยังเป็นการผลักดันให้เกิดการปลูกพืชดัดแปลงพันธุกรรม (GMO) ทั้งที่ในต่างประเทศเริ่มทำตรงกันข้าม คือการหันไปหาเกษตรอินทรีย์มากยิ่งขึ้น โดยมีข้อสังเกตสำคัญว่า การพยายามสนับสนุนพืช GMO เช่นนี้เคยมีมาก่อนแล้วสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เริ่มก่อการรัฐประหารในปี 2557-2558 ผ่านคณะกรรมการที่มีกลุ่มทุนผูกขาดเป็นสมาชิก และ ร่าง พ.ร.บ.ความปลอดภัยทางชีวภาพ พ.ศ. 2558 ที่จะส่งผลให้กลุ่มทุนไม่ต้องรับผิดชอบจากการทำ GMO 

ปัจจัยสำคัญต่อมาคือ โครงการ BCG จะทำให้เกิดโรงไฟฟ้าชีวมวลและไร่อ้อยขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามการขยับขยายของสองสิ่งนี้ถูกต่อต้านจากคนในพื้นที่อยู่เสมอ เพราะจะทำให้ความหลากหลายทางชีวภาพในแต่ละชุมชนถูกทำลาย และเอื้อให้แก่กลุ่มทุนผูกขาดผู้คุมธุรกิจอ้อยและน้ำตาล การอำนวยความสะดวกให้กลุ่มทุนเช่นนี้ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์สู่ชาวบ้านแต่อย่างใด

การสอดไส้โครงการ BCG ครั้งนี้ จึงเป็นความพยายามอีกครั้งของกลุ่มทุนผูกขาดที่เอาความหลากหลายทางชีวภาพของไทยเป็นเดิมพัน จึงจำเป็นที่สังคมต้องตั้งคำถาม ทบทวน และถกเถียงกันให้มากขึ้นต่อไป 

ทุนนิยมและคาร์บอนเครดิต แปลงโฉมผู้ก่อมลพิษเป็นผู้ปกป้องโลก

การฟอกเขียวโดยกลุ่มทุนภายใต้โมเดลเศรษฐกิจ BCG ยังถูกจัดสรรออกมาในรูปที่หมุนเวียนอยู่ในระบบตลาดของเศรษฐกิจแบบทุนนิยม โดยอาศัยหลักการทางเศรษฐศาสตร์อย่างการสร้างแรงจูงใจให้กลุ่มทุนลดการทำลายป่าอันเป็นสาเหตุที่ทำให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มสูงขึ้นและจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเม็ดเงิน โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า ‘คาร์บอนเครดิต’ (carbon credit) ซึ่งเป็นสินค้าที่ภาคอุตสาหกรรมจะได้รับจากการทำกิจกรรมรักษาสิ่งแวดล้อม เครดิตดังกล่าวสามารถใช้แลกเป็น ‘สิทธิ’ ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่ชั้นบรรยากาศได้ อีกทั้งสิทธินี้ยังสามารถซื้อขาย แลกเปลี่ยน และถ่ายโอนได้ภายใต้ข้อตกลงระหว่างองค์กร โดยมีแนวปฏิบัติว่า จะต้องลดปริมาณมลพิษในชั้นบรรยากาศให้เท่ากับปริมาณที่ถูกปล่อยออกไป ซึ่งความรับผิดชอบดังกล่าวถูกนำไปใช้ผ่านโครงการเพิ่มพื้นที่ป่าของกลุ่มองค์กรเอกชน 

กฤษฎา บุญชัย เลขาธิการสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา ผู้ให้ข้อเสนอเรื่องกระบวนการฟอกเขียวด้วยคาร์บอนเครดิต ระบุว่า ผู้ดำเนินโครงการแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตอย่างองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ได้ประชุมร่วมกับกรมป่าไม้เพื่อสนับสนุนให้เกิดการการปลูกป่าโดยเอกชนในพื้นที่รัฐเพื่อแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตโดยสมัครใจ ซึ่งกรมป่าไม้เองมีเป้าหมายการเพิ่มพื้นที่สีเขียวอีกจำนวน 26.8 ล้านไร่ ภายในปี พ.ศ. 2580 ยังไม่รวมไปถึงร่างอนุบัญญัติ ตามมาตรา 18 ประกอบพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562 ที่ระบุสัดส่วนการแบ่งปันผลประโยชน์จากคาร์บอนของป่าปลูกใหม่ ระหว่างเอกชนต่อรัฐ เป็น 90:10 จึงนับเป็นโอกาสสำคัญของเอกชนที่จะได้รับสิทธิคือครองคาร์บอนเครดิตในประเทศไทย และนำมาซึ่งสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงของภาวะโลกร้อนในปัจจุบัน

กฤษฎา บุญชัย

แม้จะเป็นเงื่อนไขที่ถูกกำหนดด้วยความสมัครใจของผู้ลงทุน แต่ตลาดคาร์บอนในประเทศไทยก็ถูกจับจองพื้นที่ไว้ด้วยกลุ่มทุนภาคเอกชนเพียงไม่กี่ราย ที่มีเป้าหมายเพื่อแสวงหาสิทธิอันเอื้อประโยชน์ต่อการสร้างภาระให้โลกอย่างชอบธรรม เพราะหลักการตลาดคาร์บอนเครดิตขัดกับหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย (Polluter Pays Principle: PPP) อย่างชัดเจน กล่าวคือ ผู้ก่อมลพิษสามารถถ่ายโอนสิทธิในการก่อมลพิษนั้นให้ผู้อื่นได้ผ่านระบบซื้อขายของตลาด และยังสามารถซื้อสิทธิในการเป็นผู้ปล่อยมลพิษมาจากชุมชนและชาวบ้านผ่านเงินทุนและโครงการของเอกชนได้อีกด้วย ในขณะเดียวกัน การซื้อสิทธิดังกล่าวก็ทำให้ชาวบ้านเปลี่ยนสถานะเป็นผู้ก่อมลพิษไปโดยปริยาย

กฤษฎาให้ความเห็นต่อคาร์บอนเครดิตว่า เป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนโฉมของผู้ก่อมลพิษให้กลายเป็นผู้ปกป้องโลก ผ่านการขับเคลื่อนโครงการปลูกป่าเพื่อได้มาซึ่งสิทธิในการปล่อยมลภาวะสู่โลก ซึ่งไม่เพียงแค่เอื้ออำนาจการจัดการในภาพใหญ่ให้กับนายทุนเท่านั้น แต่ยังนำไปสู่การแทรกแซงพื้นที่และสิทธิในการจัดการพื้นที่ป่าชุมชนอีกด้วย เพราะสิทธิในการถือครองและมีส่วนร่วมในกระบวนการของคาร์บอนเครดิตถูกผูกขาดไว้ที่กลุ่มทุนใหญ่ และถูกซื้อขาย เก็งกำไร ปั่นราคาได้เหมือนสินค้าชิ้นหนึ่ง นั่นจึงนำมาสู่การตั้งคำถามว่า ในบั้นปลายของคาร์บอนเครดิตนี้ ยังสามารถพิสูจน์ผลลัพธ์ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่ชั้นบรรยากาศได้จริงหรือไม่

ในช่วงท้าย กฤษฎาได้ฝากประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมที่ต้องจับตาดูในวาระการประชุม APEC 2022 ได้แก่

  • แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (Power Development Plan: PDP) ที่ใช้กำลังผลิตสำรองเกินกำลังไปถึงร้อยละ 60 ภายใต้ความดูแลของกลุ่มทุนเพียงไม่กี่กลุ่ม
  • กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอการอนุมัติเห็นชอบของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ภาคเอกชนเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าสงวน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการยึดครองที่ดินระหว่างเอกชนและประชาชน และนำไปสู่ปัญหาด้านความหลากหลายทางชีวภาพและความมั่งคงทางอาหาร
  • ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่จะทำให้ตลาดคาร์บอนถูกเปลี่ยนไปเป็นตลาดภาคบังคับ
  • ร่างพระราชบัญญัติความหลากหลายทางชีวภาพที่ภาคเอกชนมีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำพื้นที่อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพใหม่ ซึ่งอาจทำให้เกิดการแทรกแซงพื้นที่สาธารณะและพื้นที่ชุมชน

เป้าหมาย Net Zero ที่ถูกลืม

การฟอกเขียว คือหนึ่งในหัวใจสำคัญที่ทำให้โครงการ BCG ถูกวิพากษ์วิจารณ์ โดย ธารา บัวคำศรี ผู้อำนวยการ Greenpeace Thailand ได้นำเสนอเพิ่มเติมคือ แผนการลดโลกร้อนและการวางแผนปลูกป่าของไทยที่กำลังมีปัญหา ข้อสังเกตสำคัญคือ ประเทศไทยมีแผนการ Net Zero ที่กำหนดให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของไทยเป็นศูนย์ แต่การพูดคุยในทุกการประชุมกลับยังคงเป็นเรื่องเดิม 

ธารา บัวคำศรี

ปี พ.ศ. 2608 ประเทศไทยตั้งเป้าไว้ว่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการลดก๊าซเรือนกระจกจะต้องเท่ากัน คือเป็นศูนย์ ดังนั้นแนวทางการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินและป่าไม้ จึงจำเป็นอย่างมากในการจัดการ อย่างน้อยก็ต้องใช้สำหรับการดูดซับก๊าซเรือนกระจกถึง 120 ล้านตัน ภาครัฐไทยจึงตัดสินใจเลือกกลุ่มทุนใหญ่เข้ามามีส่วนร่วมในการเป็น ‘พาร์ทเนอร์’ ในภารกิจเหล่านี้ เช่น การเป็นหุ้นส่วนในงาน Thailand Climate Action Conference เป็นต้น และเริ่มสร้างตลาดคาร์บอนเครดิตแบบสมัครใจ รวมถึงการซื้อขายพลังงานสะอาดในตลาดอย่างเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ ข้อสังเกตของธาราคือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ก็สามารถเอาก๊าซเรือนกระจกมาขายได้ โดยระบุว่าพลังงานจากการสร้างเขื่อนเป็นพลังงานสะอาด 

โจทย์ต่อมาคือ นับตั้งแต่ปี 2530 ศักยภาพของระบบนิเวศที่คอยตอบสนองความต้องการของคนไทย เริ่มมีอาการติดลบมากขึ้นกว่าความสามารถในการรองรับ ธาราระบุว่าคนไทยเป็น ‘หนี้’ ระบบนิเวศไปแล้ว ดังนั้นแนวคิด BCG อาจไม่ถึงขั้นเลวร้าย เพราะเป็นวิธีเดียวกับที่ทั่วโลกผลักดัน แต่ปัญหาคือประเทศไทยมีสภาวะ ‘ลับ-ลวง-พราง’ มาก และหากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะยิ่งทำให้ศักยภาพของระบบนิเวศไทยต่ำลงเรื่อยๆ 

ธารากล่าวว่า โครงสร้างของ BCG ครอบคลุมเกือบทุกอย่าง แต่ไม่พูดถึงรากฐานทางสังคม เช่น น้ำ อาหาร สุขภาพ การศึกษา ไปจนถึงความเท่าเทียมทางเพศสภาพ สิทธิในการแสดงความคิดเห็น และความเป็นธรรมทางสังคม คำถามคือหากโครงการนี้ยังถูกครอบงำโดยกลุ่มทุนผูกขาดแบบนี้ต่อไป จะเป็นการกระทบและรุกรานรากฐานของสังคมที่กล่าวไปหรือไม่ 

คำถามสุดท้ายของธาราที่เป็นคำถามใหญ่ คือ ภาครัฐที่กำลังพยายามปลูกป่าจะหาพื้นที่มาจากไหนโดยที่ไม่ไปยึดพื้นที่จากประชาชน และการนำพื้นที่ป่าของชุมชนมาค้าคาร์บอนเครดิต จะนำไปสู่ ‘การล่าอาณานิคมคาร์บอน’ (Carbon Colonialism) ในอนาคตเหมือนประเทศอื่นๆ กำลังเผชิญหรือไม่ โครงการใหญ่ที่เต็มไปด้วยเอกชนผูกขาดอย่าง BCG จึงต้องถูกจับตาและถามคำถามต่อไปในอนาคต

อุตสาหกรรมยาภายใต้ TRIPS Agreement เดินต่อไม่ได้ถ้ายังถูกผูกขาด

ยุทธศาสตร์หนึ่งที่ปรากฏในแผน BCG ที่นำมาซึ่งข้อน่ากังวลด้านความมั่นคงทางสุขภาพของประชาชน คือการผลักดันการใช้เทคโนโลยีกับทรัพยากรเพื่อพัฒนาคุณภาพสมุนไพรและยกระดับอุตสาหกรรมในประเทศ โดยเฉพาะในการผลิตสินค้าประเภทยาที่ยังมีข้อจำกัดและไม่สอดคล้องกับหลายนโยบายที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน

เฉลิมศักดิ์ กิตติตระกูล ผู้จัดการโครงการส่งเสริมการเข้าถึงยา มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ ระบุว่า อุปสรรคใหญ่ของยุทธศาสตร์ดังกล่าว คือการดำเนินงานภายใต้ความตกลงด้านการค้าที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญา (Trade Related Aspects of Intellectual Property Rights: TRIPS Agreement) ซึ่งมีเงื่อนไขให้ความคุ้มครองข้อมูลผลการทดสอบยาตามระยะเวลาในการเจรจากับคู่ค้า รวมไปถึงการชดเชยระยะเวลาคุ้มครองสิทธิบัตรในกรณีที่หน่วยงานรับผิดชอบการขึ้นทะเบียนยาดำเนินการล่าช้า ตามข้อกำหนดความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement: FTA) ที่มีมติร่วมกันของประเทศในกลุ่ม APEC

เฉลิมศักดิ์ กิตติตระกูล

จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา พบว่า การดำเนินการผลิตสินค้าประเภทยาภายใต้ข้อตกลงของ TRIPS ซึ่งเริ่มกำหนดใช้ในปี พ.ศ. 2530 ทำให้มูลค่าของอุตสาหกรรมยาในประเทศไทยถดถอยลง เนื่องจากถูกจำกัดด้วยสิทธิบัตรยาของผู้ผลิตต่างชาติ เมื่อผลิตยาประเภทเดียวกันและคุณภาพใกล้เคียงกันกับยาที่มีอยู่แล้วได้น้อยลง ทำให้ในปี พ.ศ. 2562 ประเทศไทยต้องนำเข้ายาจากต่างประเทศถึงร้อยละ 70 จากจำนวนยาทั้งหมดในคลัง และส่งผลให้ราคายาแพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนั้น ข้อตกลงด้านทรัพย์สินทางปัญญายังทำให้เกิดการผูกขาดของบริษัทผู้ผลิตวัคซีนต้านโควิด เกิดการจดสิทธิบัตรยาซ้ำเพื่อใช้ในการรักษาโควิดโดยเฉพาะแม้จะเป็นยาที่เคยถูกคิดค้นไว้แล้ว ได้แก่ เรมเดซิเวียร์ (remdesivir) บาริซิทินิบ (baricitinib) โมนูพิราเวียร์ (molnupiravir) และฟาวิพิราเวียร์ (favipiravir) ทำให้ประชาชนในประเทศที่ขาดแคลนเข้าถึงยารักษาโรคได้ยากกว่าเดิม ซึ่งรวมไปถึงประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างประเทศไทย

เฉลิมศักดิ์กล่าวต่อไปว่า ยุทธศาสตร์ BCG ยังมีข้อที่มุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพของพืชสมุนไพร เพื่อเป้าหมายความมั่นคงด้านสุขภาพของประชาชน โดยมีความพยายามจะแก้ไขพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. 2542 ให้สอดคล้องกับอนุสัญญาการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ (UPOV1991) ซึ่งเป็นข้อกังวลทั้งในภาคการเกษตรและเศรษฐกิจว่าจะทำให้เกิดการผูกขาดพันธุ์พืช เมื่อเป็นเช่นนั้น การผลิตยารักษาโรคซึ่งใช้วัตถุดิบจากพืชสมุนไพรก็จะมีต้นทุนสูง และทำให้ราคายาสูงขึ้นตามไปด้วย 

ในภาพรวมของการตั้งต้นการพัฒนาประเทศผ่านยุทธศาสตร์ดังกล่าว จึงยังมีข้อกังขาว่าจะสามารถสร้างความมั่นคงทางสุขภาพได้จริงหรือไม่ และผลลัพธ์จะคุ้มค่าต่อการลงทุนด้านทรัพยากรหรือเปล่า

เฉลิมศักดิ์กล่าวทิ้งท้ายถึงประเด็นการผลักดันโครงการ Wellness Tourism ที่ว่าด้วยการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์รวมกิจกรรมเสริมสุขภาพ ซึ่งซ้อนทับอยู่กับแผน Medical Hub ที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการรับคนเข้ารักษาด้วยการแพทย์ในโรงพยาบาล หากโครงการ Medical Hub ถูกผลักดันให้เกิดขึ้นจริง จะเป็นการเพิ่มภาระให้กับบุคลากรทางการแพทย์โดยตรง และจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพในการรับการรักษาของประชาชนด้วยเช่นกัน

Author

ภูภุช กนิษฐชาต

คนหนุ่มผู้หลงใหลการตามหาสาระในเรื่องไร้สาระ คลั่งไคล้การถกเถียงเรื่องปรัชญาการเมืองยามเมามาย นิยมเสพสื่อบันเทิงแทบทุกชนิดที่มีบนโลก ขับเคลื่อนชีวิตด้วยคาเฟอีนและกลิ่นกระดาษหอมกรุ่นของหนังสือราวกับต้นไม้ต้องการแสงแดด ความฝันอันสูงสุดมีเพียงการได้มีชื่อของตนเองจารึกเอาไว้ใน Reading-list ของเหล่านักศึกษาในมหาวิทยาลัยเพียงเท่านั้น

Author

รพีพรรณ พันธุรัตน์

เกิดสงขลาแต่ไม่ใช่คนหาดใหญ่ จบสื่อสารมวลชนจากเชียงใหม่แล้วตัดสินใจลากกระเป๋าเข้ากรุง ชอบเขียนมากกว่าพูด ชอบอ่านมากกว่าดู มีคู่หูเป็นกระดาษกับปากกา

Illustrator

ณขวัญ ศรีอรุโณทัย

อาร์ตไดเร็คเตอร์ผู้พยายามกระจายอำนาจและกระตุ้นให้ทุกคนโชว์รสนิยมของตนเอง นอกจากทำหน้าที่ออกแบบและหลงใหล ‘พื้นผิว’ ของเนื้อหา แต่ก็มักทะเลาะกับ text ด้วย นานๆ ทีเมื่อคันมือจะวางเมาส์ และกดจิ้มคีย์บอร์ดเขียนงานสร้างสรรค์ ทุกเช้าเขาจะใช้เวลาเงียบๆ บดกาแฟด้วยแรงมือ แล้วหยดน้ำร้อนรอเวลา

Tags: ชลบุรีบ่อทอง
ShareTweetPin
Previous Post

J

Next Post

ILINK กำไรไตรมาส 3 โต 8% แตะ 85 ลบ. ดัน 9 เดือนทะลุ 260 ลบ.

อำเภอ บ่อทอง

อำเภอ บ่อทอง

ท้องที่อำเภอบ่อทองเดิมเป็นส่วนหนึ่งของอำเภอพนัสนิคม ทางราชการได้แบ่งพื้นที่การปกครองอำเภอพนัสนิคม ออกมาตั้งเป็น กิ่งอำเภอบ่อทอง ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยลงวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2521 โดยมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม ปีเดียวกัน และต่อมาได้มีพระราชกฤษฎีกายกฐานะกิ่งอำเภอบ่อทอง อำเภอพนัสนิคม ขึ้นเป็น อำเภอบ่อทอง ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยลงวันที่ 9 มีนาคม 2528 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม ปีเดียวกัน

ข่าว ที่เกี่ยวข้อง

ชลบุรี

10 อันดับหนังจีนที่ต้องดู

03/11/2023
0
พ่อค้าเร่ขายลอตเตอรี่ยันส่วยหวยมีจริง-ยอมจ่ายตำรวจแลกไม่ถูกจับขายเกินราคา
ชลบุรี

พ่อค้าเร่ขายลอตเตอรี่ยันส่วยหวยมีจริง ยอมจ่ายตำรวจแลกไม่ถูกจับขายเกินราคา

02/06/2023
0
เกษตรกรเลี้ยงไก่ไข่โอดอาหารไก่ราคาพุ่งแบกต้นทุนไม่ไหว-วอนรัฐช่วย
ชลบุรี

เกษตรกรเลี้ยงไก่ไข่โอดอาหารไก่ราคาพุ่งแบกต้นทุนไม่ไหว วอนรัฐช่วย

01/06/2023
0

Recommended

J

3 ปี ago
0
กองเรือยุทธการ-เปิดธนาคารขยะ-เสริมรายได้ให้ครอบครัวกำลังพล

กองเรือยุทธการ เปิดธนาคารขยะ เสริมรายได้ให้ครอบครัวกำลังพล

3 ปี ago
0
แดง-พระโขนง-รวมนักแสดงเด็กร่วมถ่ายทอดมิตรภาพเพื่อน

แดง พระโขนง รวมนักแสดงเด็กร่วมถ่ายทอดมิตรภาพเพื่อน

3 ปี ago
0
ญาติไว้อาลัย-ครบ-1-เดือน-ไหม้เมาน์เทนบี-ไร้เยียวยาเพิ่ม

ญาติไว้อาลัย ครบ 1 เดือน ไหม้เมาน์เทนบี ไร้เยียวยาเพิ่ม

3 ปี ago
0
จ.ฉะเชิงเทรา-เตือน-ช้างป่า-ถึง-ฤดูผสมพันธุ์-ช้างตกมัน-–-ติดสัด-ดุร้าย

จ.ฉะเชิงเทรา เตือน ช้างป่า ถึง ฤดูผสมพันธุ์ ช้างตกมัน – ติดสัด ดุร้าย

3 ปี ago
0
ฉลามชลจูเนียร์-เตรียมเปิดคัดเลือกแข้งเยาวชน-เข้าสู่อคาเดมี-รุ่น-13-14-ปี

ฉลามชลจูเนียร์ เตรียมเปิดคัดเลือกแข้งเยาวชน เข้าสู่อคาเดมี รุ่น 13-14 ปี

3 ปี ago
0
ทะเลาะกัน-ภรรยาแย่งพวงมาลัยรถ-พุ่งชน-7-คันรวด

ทะเลาะกัน ภรรยาแย่งพวงมาลัยรถ พุ่งชน 7 คันรวด

3 ปี ago
0

Categories

  • ชลบุรี
  • บ่อทอง
  • บางละมุง
  • บ้านบึง
  • พนัสนิคม
  • พานทอง
  • ศรีราชา
  • สัตหีบ
  • หนองใหญ่
  • เกาะจันทร์
  • เกาะสีชัง

Topics

ชลบุรี บางละมุง บ่อทอง บ้านบึง พนัสนิคม พานทอง ศรีราชา สัตหีบ หนองใหญ่ เกาะจันทร์ เกาะสีชัง เมือง

ชลบุรี

ชลบุรี

คำขวัญประจำจังหวัดชลบุรี - ทะเลงาม ข้าวหลามอร่อย อ้อยหวาน จักสานดี ประเพณีวิ่งควาย

ข่าวแยกตามอำเภอ

  • ชลบุรี
  • บ่อทอง
  • บางละมุง
  • บ้านบึง
  • พนัสนิคม
  • พานทอง
  • ศรีราชา
  • สัตหีบ
  • หนองใหญ่
  • เกาะจันทร์
  • เกาะสีชัง

ข่าวล่าสุด

  • 10 อันดับหนังจีนที่ต้องดู
  • พ่อค้าเร่ขายลอตเตอรี่ยันส่วยหวยมีจริง ยอมจ่ายตำรวจแลกไม่ถูกจับขายเกินราคา
  • เกษตรกรเลี้ยงไก่ไข่โอดอาหารไก่ราคาพุ่งแบกต้นทุนไม่ไหว วอนรัฐช่วย

เว็บอำเภอต่าง ๆ ในชลบุรี

  • เว็บบ้านบึง
  • เว็บบางละมุง
  • เว็บบ่อทอง
  • เว็บเกาะจันทร์
  • เว็บเกาะสีชัง
  • เว็บหนองใหญ่
  • เว็บพัทยา
  • เว็บพนัสนิคม
  • เว็บพานทอง
  • เว็บสัตหีบ
  • เว็บศรีราชา
  • เมืองชลบุรี
  • บ่อทอง
  • บางละมุง
  • บ้านบึง
  • พนัสนิคม
  • พานทอง
  • ศรีราชา
  • สัตหีบ
  • หนองใหญ่
  • เกาะจันทร์
  • เกาะสีชัง

© 2022 ชลบุรี - ทะเลงาม ข้าวหลามอร่อย อ้อยหวาน จักสานดี ประเพณีวิ่งควาย.

No Result
View All Result
  • เมืองชลบุรี
  • บ่อทอง
  • บางละมุง
  • บ้านบึง
  • พนัสนิคม
  • พานทอง
  • ศรีราชา
  • สัตหีบ
  • หนองใหญ่
  • เกาะจันทร์
  • เกาะสีชัง

© 2022 ชลบุรี - ทะเลงาม ข้าวหลามอร่อย อ้อยหวาน จักสานดี ประเพณีวิ่งควาย.

Welcome Back!

Login to your account below

Forgotten Password?

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In
We use cookies on our website to give you the most relevant experience by remembering your preferences and repeat visits. By clicking “Accept All”, you consent to the use of ALL the cookies. However, you may visit "Cookie Settings" to provide a controlled consent.
การตั้งค่าคุกกี้ยอมรับทั้งหมด
Manage consent

Privacy Overview

This website uses cookies to improve your experience while you navigate through the website. Out of these, the cookies that are categorized as necessary are stored on your browser as they are essential for the working of basic functionalities of the website. We also use third-party cookies that help us analyze and understand how you use this website. These cookies will be stored in your browser only with your consent. You also have the option to opt-out of these cookies. But opting out of some of these cookies may affect your browsing experience.
Necessary
Always Enabled
Necessary cookies are absolutely essential for the website to function properly. These cookies ensure basic functionalities and security features of the website, anonymously.
CookieDurationDescription
cookielawinfo-checkbox-analytics11 monthsThis cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Analytics".
cookielawinfo-checkbox-functional11 monthsThe cookie is set by GDPR cookie consent to record the user consent for the cookies in the category "Functional".
cookielawinfo-checkbox-necessary11 monthsThis cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookies is used to store the user consent for the cookies in the category "Necessary".
cookielawinfo-checkbox-others11 monthsThis cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Other.
cookielawinfo-checkbox-performance11 monthsThis cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Performance".
viewed_cookie_policy11 monthsThe cookie is set by the GDPR Cookie Consent plugin and is used to store whether or not user has consented to the use of cookies. It does not store any personal data.
Functional
Functional cookies help to perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collect feedbacks, and other third-party features.
Performance
Performance cookies are used to understand and analyze the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.
Analytics
Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.
Advertisement
Advertisement cookies are used to provide visitors with relevant ads and marketing campaigns. These cookies track visitors across websites and collect information to provide customized ads.
Others
Other uncategorized cookies are those that are being analyzed and have not been classified into a category as yet.
SAVE & ACCEPT
This website uses cookies. By continuing to use this website you are giving consent to cookies being used. Visit our Privacy and Cookie Policy.