พบอีก 2 เซ่นเรือจม ใกล้ศาลเสด็จเตี่ย เก็บกู้ได้แล้ว 21 ศพ ลุยค้นหาต่อ 8 นาย

เข้าสู่วันที่ 9 กับเหตุการณ์โศกนาฏกรรมเรือหลวงสุโขทัย (442) เรือคอร์เวท สังกัดกองเรือฟริเกตที่ 1 กองเรือยุทธการ ทัพเรือภาคที่ 1 ถูกคลื่นยักษ์ซัดอับปางกลางทะเลอ่าวไทย ห่างฝั่ง 19 ไมล์ทะเล ในพื้นที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ลูกเรือ 105 นาย รอดชีวิต 76 นาย เสียชีวิตและพบศพแล้ว 19 นาย และยังคงสูญหายอีก 10 นาย

พบอีก 2 ร่างกำลังพล ร.ล.สุโขทัย ไม่มีเสื้อชูชีพ ลอยกลางทะเลห่าง “ศาลเสด็จเตี่ย” 7 กิโลเมตร ผงะแค่ 4 วัน ทะเลชุมพรพบแล้ว 8 ศพ เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 27 ธ.ค. เรือตรวจการณ์ 611 ศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทางทะเลชุมพร รับแจ้งจากเรือประมงว่า พบศพลอยน้ำอยู่ระหว่างเกาะสากกับเกาะเสม็ด ต.ปากน้ำชุมพร อ.เมืองชุมพร จากนั้นเรือตรวจการณ์ประมงทะเล 611 และเรือกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 218 พร้อมเจ้าหน้าที่ ศรชล. หน่วยกู้ภัยสายชลมูลนิธิชุมพร และหน่วยกู้ภัยรักศีลธรรมปากน้ำชุมพร ออกไปเก็บกู้นำร่างในพิกัดที่ได้รับแจ้ง พบศพลอยคว่ำหน้ากลางทะเลห่างจากฝั่งราว 7-8 กม. สภาพศพสวมชุดหมีสีกรมท่าของ ทหารเรือ ไม่มีเสื้อชูชีพสวมติดตัว เก็บกู้นำร่างเข้าฝั่ง ระหว่างนั้นรับแจ้งจากเฮลิคอปเตอร์ พบศพลอยน้ำอยู่ใกล้กับจุดเดิมอีก 1 ศพ รีบวกเรือกลับไปตรวจสอบ พบศพที่ 2 สภาพลอยคว่ำหน้าสวมเสื้อยืดสีกรมท่า นุ่งกางเกงวอร์มขายาวสีกรมท่า ไม่มีเสื้อชูชีพสวมอยู่เช่นกัน เก็บกู้นำร่างเข้าฝั่ง จุดที่พบทั้ง 2 ศพ อยู่ใน ต.ปากน้ำชุมพร เขตรอยต่อกับ ต.หาดทรายรี ห่างพระตำหนักเสด็จ ในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ (ศาลเสด็จเตี่ย) ที่ตั้งอยู่ริมหาดทรายรี อ.เมืองชุมพร ราว 6-7 กม.

เวลา 12.00 น. เรือตรวจการณ์ประมงทะเล 611 นำผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ร่างเข้าเทียบท่าเรือศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมง ต.ปากน้ำชุมพร มีนายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ ผวจ.ชุมพร น.อ.ชำนาญ สอนแพง รอง ผอ.ศรชล.ชุมพร พ.อ.พสิษฐ์ ชาญเลขา รอง ผอ.รมน.จ.ชพ./รอง ผบ.มทบ.44 มาติดตามผลการปฏิบัติงาน พร้อมจัดชุดกองเกียรติยศตั้งแถวรับร่าง ก่อนมอบศพให้ทหารเรือนำส่งตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ สรุปในช่วง 4 วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เก็บกู้ร่างกำลังพล ร.ล.สุโขทัย รวมแล้ว 8 ศพ พบในพื้นที่ อ.ปะทิว 6 ศพ และ ต.ปากน้ำชุมพร 2 ศพ

ที่ศูนย์ประสานความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ร.ล.สุโขทัย ท่าเรือประจวบฯ ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พล.ร.ท.พิชัย ล้อชูสกุล ผบ.ทรภ.1 กล่าวถึงแผนค้นหาวันนี้ว่า ยังคงหมู่เรือหลัก ร.ล.กระบุรี ร.ล.นเรศวร ร.ล.ตากสิน ร.ล.นราธิวาส เรือ ต.113 เรือ ต.114 และเรือ ต.270 เน้นค้นหาตามแนวชายฝั่ง อ.บางสะพาน อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต่อเนื่องชายฝั่ง จ.ชุมพร ถึง จ.สุราษฎร์ธานี และจัดชุดเดินเท้า 54 ชุด ขึ้นตามเกาะต่างๆ ก่อนหน้านี้เวลา 06.00 น. ชุดหมู่เรือที่ 2 มี ร.ล.บางระจัน พร้อมยานสำรวจใต้น้ำ (Sea Fox) และ ร.ล.ราวี พร้อมนักประดาน้ำ 53 นาย ได้เคลื่อนออกจากท่าเรือประจวบฯ ไปปฏิบัติภารกิจลงสำรวจในจุดที่ ร.ล.สุโขทัยอับปาง

เวลา 13.00 น. ที่มูลนิธิสว่างราษฎร์ศรัทธาธรรมสถาน บางสะพาน ที่จัดตั้งเป็นศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล สภ.บางสะพาน กองทัพเรือพาญาติกำลังพลทั้ง 8 นายที่พิสูจน์อัตลักษณ์เสร็จสิ้นแล้ว มาเซ็นเอกสารออกใบมรณะ เพื่อรับร่างไปประกอบพิธีทางศาสนาที่สัตหีบ จากนั้น ตำรวจ สภ.บางสะพาน ให้ญาติตรวจสอบสิ่งของวัตถุพยานที่ติดมากับลูกเรือทั้ง 8 นาย ก่อนส่งคืนให้ญาติรับกลับไป บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าสลด

นายวรรณชัย สาพิราช อายุ 49 ปี ชาว จ.อุบล ราชธานี พี่ชาย จ.ท.ธวัชชัย สาพิราช ที่นั่งกอดภาพถ่ายน้องชายอยู่ด้านหน้ามูลนิธิฯกล่าวว่า เดินทางจาก จ.อุบลราชธานี ตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค.หลังทราบข่าวเรือรบอับปาง ยังหวังอยู่เสมอว่าน้องชายจะรอดชีวิตกลับสู่อ้อมกอดครอบครัว วันเกิดเหตุเวลา 18.00 น. น้องโทร.หาแม่บอกว่าเรือกำลังจะล่ม ได้ยินเสียงความอลหม่าน น้องพยายามตะโกนบอกให้คนอื่นสวมเสื้อชูชีพ ตนไม่ทราบว่าน้องได้สวมเสื้อชูชีพหรือไม่ การสูญเสียครั้งนี้เป็นการสูญเสียครั้งสำคัญของครอบครัว เพราะน้องเป็นคนเลี้ยงดูแม่ และกำพร้าพ่อมาตั้งแต่เด็ก อยากบอกน้องชายว่าขอให้หลับให้สบาย พี่ภูมิใจในตัวน้อง ส่วนตัวไม่ได้ติดใจอะไรในกองทัพ เชื่อว่าเป็นเรื่องอุบัติเหตุ

ต่อมารถกู้ชีพนำร่างผู้เสียชีวิตที่กู้ขึ้นมาได้จากบริเวณเกาะสาก จ.ชุมพร รวม 2 นาย เข้ามาส่งยังศูนย์ฯเพื่อให้เจ้าหน้าที่นิติเวช รพ.ตำรวจ และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ชันสูตรและตรวจพิสูจน์ตามขั้นตอน ทำให้ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตที่รอการพิสูจน์อัตลักษณ์ รวม 3 นาย คงเหลือยอดผู้สูญหายอีก 8 นายเท่านั้น

ที่บริเวณกลางทะเลอ่าวไทย อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จุดที่ ร.ล.สุโขทัย อับปางใต้ทะเล ความลึกราว 40 เมตร พล.ร.ต.ธาดาวุธ ทัดพิทักษ์กุล ผบ.กองเรือทุ่นระเบิด กองเรือยุทธการ น.อ.ธีรเกียรติ ทองอร่าม รอง ผบ.กองเรือทุ่นระเบิด นำ ร.ล.บางระจัน พร้อมประสาน น.อ.พงษ์ศักดิ์ รามนุช ผอ.กองประดาน้ำและถอดทำลายอมภัณฑ์ กรมสรรพาวุธทหารเรือ ส่งเจ้าหน้าที่ประดาน้ำลงไปผูกทุ่นใหม่ และตัดอวนที่ติด ร.ล.สุโขทัย หลังเมื่อวันก่อนมีเรือประมงอวนลาก ได้ตัดทุ่นที่ผูกบอกพิกัดไว้ที่หัวเรือและท้ายเรือ ร.ล.สุโขทัย เนื่องจากได้ลากอวนผ่านซาก ร.ล.สุโขทัย ที่จมอยู่ใต้น้ำ ทำให้อวนติดซากเรือ ต้องตัดอวนทิ้ง เป็นเหตุให้อวนครอบทุ่นจมลงไปด้วย

ช่วงสาย พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.กองเรือยุทธการ (ผบ.กร.) พร้อมญาติผู้เสียชีวิต ขึ้นร.ล.ปัตตานี แล่นออกจากท่าเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี นำเถ้าอัฐิของว่าที่ ร.อ.สามารถ แก้วผลึก พ.จ.อ.อำนาจ พิมที และ พ.จ.อ.อัชชา แก้วสุพรรณ์ 3 ลูกเรือ ร.ล.สุโขทัย ที่ได้รับพระราชทานเพลิงแล้ว ไปประกอบพิธีลอยอังคาร บริเวณอ่าวสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อให้ภพภูมิหน้า ผู้เสียชีวิตทั้ง 3 นาย จะได้มีชีวิตสงบสุขร่มเย็นตามความเชื่อ

วันเดียวกัน กองทัพเรือได้จัดส่งร่างกำลังพล ร.ล.สุโขทัย ที่ยืนยันตัวตนแล้วทั้งหมดคืนให้ญาติไปบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมศพเป็นเวลา 2 วัน 27-28 ธ.ค. และมีพิธีพระราชเพลิงศพวันที่ 30 ธ.ค. โดยศพ จ.ต.ศราวุธ นาดี สังกัด ร.ล.สุโขทัย ส่งไปจ.ร้อยเอ็ด ศพพลฯสิทธิพงศ์ หงษ์ทอง สังกัดหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ส่งไป จ.กำแพงเพชร ศพพลฯจิราวัฒน์ ธูปหอม สังกัดหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ส่งไป จ.ระยอง ศพพลฯวรพงษ์ บุญละคร สังกัดหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ตั้งสวด ฌาปนสถานกองทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี

ต่อมาญาติกำลังพลผู้สูญเสียได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวในพื้นที่ ภายหลังร่างทหารกล้าถูกส่งกลับถึงบ้านเกิดแล้ว ที่วัดปกรณ์ธรรมาราม ต.นิคมพัฒนา อ.พัฒนานิคม จ.ระยอง สถานที่ตั้งสวดอภิธรรมศพพลฯจิราวัฒน์ ธูปหอม นางผ่องศรี สุขสวัสดิ์ อายุ 49 ปี มารดาบอกว่า ยังจำคำพูดประโยคสุดท้ายของลูกชายได้ดี ก่อนลูกขึ้นเรือได้โทร.บอกว่า“แม่ฝากดูแลแนน แฟนหนูด้วยนะ หนูจะลงเรือสุโขทัยไปชุมพร 3 วัน คงไม่ได้คุยกันหลายวันเพราะในทะเลไม่มีคลื่น” ลูกชายได้ถ่ายรูปสวมแว่นตาดำขณะอยู่บนเรือส่งมาให้ดู เป็นรูปสุดท้ายและเป็นเสียงสุดท้ายของลูกชาย เสียใจมาก แต่ต้องทำใจ ขอให้ลูกชายไปสู่ภพภูมิที่ดี กองทัพเรือได้ช่วยเหลือค่าจัดงานศพเบื้องต้น และเลื่อนยศให้ 5 ชั้นยศ

ที่วัดโปร่งตะคลอง ต.หนองคล้า อ.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร สถานที่ตั้งสวดอภิธรรมศพพลทหารฯสิทธิพงศ์ พงษ์ทอง น.ส.บุญพิทักษ์ หงษ์ทอง พี่สาวกล่าวว่า แม้วันนี้น้องชายได้กลับบ้าน แต่ตนยังรู้สึกเสียใจที่เป็นการกลับมาเพียงร่างไร้วิญญาณ ภูมิใจที่น้องชายจากไปอย่างสมเกียรติ มีคนมาร่วมเป็นเกียรติในงานศพจำนวนมาก หากน้องชายรับรู้ได้คงภูมิใจเช่นกัน และหากเกิดชาติหน้า อยากให้เกิดมาเป็นพี่น้องกันอีก ด้านนายบุญมี หงษ์ทอง พ่อของพลทหารฯสิทธิพงศ์กล่าวว่า รู้สึก เสียใจที่ต้องมาเสียลูกชายไปก่อนวัยอันควร แต่ดีใจที่ทุกฝ่ายให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี อยากจะบอกว่าภูมิใจในตัวลูกที่ปฏิบัติหน้าที่ทหารได้ดีที่สุด

ที่วัดศรีประดู่ ต.หนองแคน อ.ปทุมรัตน์ จ.ร้อยเอ็ด สถานที่ตั้งสวดอภิธรรมศพ จ.ต.ศราวุธ นาดี นายสมยศ นาดี บิดา เล่าให้ฟังทั้งน้ำตาว่า วันที่เกิดเหตุ ลูกชายโทร.มาหานางละมุน ผู้เป็นแม่ บอกว่าตอนนี้กำลังนั่งเรือออกไปปฏิบัติหน้าที่ แต่เรือประสบอุบัติเหตุ แต่ไม่ต้องห่วง เพราะลูกชายอยู่ช่วงกลางของเรือ เรือเพิ่งเริ่มเอียงยังไม่อับปาง กำลังมีเรือเข้ามาช่วย ตอนนั้นห่วงลูกมาก ได้แต่ภาวนาให้ลูกปลอดภัย ก่อนที่สัญญาณโทรศัพท์จะขาดหายไปติดต่อไม่ได้อีก ได้แต่คอยตามข่าวทีวี จนมาทราบว่าร่างที่พบเป็นลูกชายตน ภูมิใจลูกตายแบบชายชาติทหาร

ที่วัดสุธาฤดีวนาราม (วัดบ่อกรัง) ต.ท่าสะท้อน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี เวลา 14.00 น. นายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี เป็นประธานทอดผ้าไตรบังสุกุล ในพิธีพระราชทานเพลิงศพพลฯอัครเดช โพธิ์บัติ สังกัด ร.ล.สุโขทัย มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่จาก มทบ.45 จ.สุราษฎร์ธานี ข้าราชการในพื้นที่ ครอบครัวและญาติพลฯอัครเดช เข้าร่วมพิธี มีทหารกองเกียรติยศ พลแตรเป่าสัญญาณแตรนอน สื่อความหมายถึงวันอันเหน็ดเหนื่อยได้ผ่านพ้นไปแล้ว การได้รับพระราชทานเพลิงศพครั้งนี้ สร้างความปลาบปลื้มและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต

เวลา 17.30 น. พล.ร.อ.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า ผลการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล 2 ใน 3 ราย ยืนยันตัวบุคคลแล้ว คือ จ.ท.สหรัฐ อีสา ที่เก็บกู้ร่างได้วานนี้และ จ.ต.สิริธิติ งามทอง ที่เก็บกู้ร่างได้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ขณะที่อีก 1 ร่าง ที่เก็บกู้ได้ในวันนี้เช่นกันอยู่ระหว่างพิสูจน์อัตลักษณ์ยืนยันตัวบุคคล ส่วนการเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 10 นาย คือ 1.จ.อ.บุญเลิศ ทองทิพย์ 2.จ.อ.ชูชัย เชิดชิด 3.จ.ท.ธวัชชัย สาพิราช 4.จ.ท.สหรัฐ อีสา 5.จ.ต.สถาพร สมเหนือ 6.จ.ต.นพณัฐ คำวงค์ 7.จ.ต.ศุภกิจ ทิวาลัย 8.จ.ต.สิริธิติ งามทอง 9.พลฯปรีชา รักษาภักดี 10.พลฯจำลอง แสนแก จะเคลื่อนขบวนรถ จากมูลนิธิสว่างราษฎร์ศรัทธาธรรมสถาน อ.บางสะพาน ไปยังกองบิน 5 อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ขึ้นเครื่องบิน C-130 กองทัพอากาศ ไปสนามบินอู่ตะเภา จากนั้น จะเคลื่อนร่างทั้ง 10 นาย ไปยังฌาปนสถานกองทัพเรือ สัตหีบ เพื่อประกอบพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ

พล.ร.อ.ปกครองกล่าวต่อว่า สรุปการช่วยเหลือผู้ประสบภัยวันที่ 27 ธ.ค.65 ณ เวลา 17.30 น. ยอดกำลังพล 105 นาย รอดชีวิต 76 นาย เสียชีวิต รวม 21 นาย ในจำนวนนี้ระบุชื่อได้แล้ว 20 นาย และ มีหลักฐานบ่งชี้ว่าเป็นกำลังพลกองทัพเรือ อยู่ในกระบวนการของการพิสูจน์อัตลักษณ์เพื่อยืนยันตัวบุคคล 1 นาย คงเหลือผู้สูญหายจำนวน 8 นาย

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถนนราชดำเนิน พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด เป็นประธานการประชุม ผบ.เหล่าทัพ มี พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผบ.ทอ. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.เข้าร่วมประชุมพร้อมเพรียง

พล.ร.อ.เชิงชายกล่าวภายหลังการประชุมว่า ขอขอบคุณ ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.ทบ. ผบ.ทอ.และ ผบ.ตร.ที่สนับสนุนกองทัพเรือในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงส่งผู้แทนไปเยี่ยม ครอบครัวกำลังพลที่บาดเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาล และการสนับสนุนเครื่องบิน อากาศยานในการเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ กองทัพเรือขอ ขอบคุณทุกหน่วยงานที่มาร่วมในการดำเนินการครั้งนี้

เมื่อถามถึงการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ร.ล.สุโขทัยอับปาง พล.ร.อ.เชิงชายตอบว่า คณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นมาสอบสวน ในส่วนแรกเพื่อตรวจสอบหาเหตุว่า ร.ล.สุโขทัยอับปางและจมลงในทะเล เนื่องจากน้ำเข้าเรือจนกำลังพลรักษาเรือไว้ ไม่ได้ และในส่วนที่ 2 ตรวจสอบขั้นตอนการปฏิบัติ ภายหลังจากที่เรือจมไปแล้ว การปฏิบัติของกำลังพล ของ ร.ล.สุโขทัย การช่วยเหลือต่างๆ และขั้นตอนการดำเนินการ ตั้งแต่เรือจมว่าปฏิบัติตามขั้นตอนถูกต้องหรือไม่

เมื่อถามถึงความคืบหน้าการกู้เรือ เนื่องจากมีคราบน้ำมันไหลออกมา พล.ร.อ.เชิงชายกล่าวว่า ในส่วนพื้นที่ที่เรือจมในวันดังกล่าวมีเรือจ่มจำนวน 3 ลำ ทั้งเรือสินค้าและ ร.ล.สุโขทัย ทั้ง 3 พื้นที่ได้ประกาศ เป็นเขตภัยพิบัติ รอการสนับสนุนเพื่อไม่ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้อง เข้ามาในพื้นที่ดังกล่าว ในส่วนน้ำมันที่อยู่ในเรือในกรณี ของ ร.ล.สุโขทัย คาดว่ามีน้ำมันอยู่จำนวนหนึ่งรั่วไหล ออกมา ได้วางแผนเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและนำน้ำมันดังกล่าวขึ้นมา