“เศรษฐา” ควง “โอ๊ค” ลงพื้นที่แม่กลอง ขอพรหลวงบ้านแหลม พร้อมช่วยลูกพรรคหาเสียง
เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
สมุทรสงคราม – “เศรษฐา” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยลงพื้นที่ จ.สมุทรสงครามช่วยผู้สมัครหาเสียง ก่อนพบปะชาวประมงรับฟังปัญหาความเดือดร้อน เผยเพื่อนำไปแก้ไขหากได้เป็นรัฐบาล
วันนี้ ( 12 เม.ย.) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายพานทองแท้ ชินวัตร ที่ปรึกษาศูนย์ปฎิบัติการเลือกตั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรคเพื่อไทย น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการ และรักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย ได้ลงพื้นที่ จ.สมุทรสงคราม พบปะพี่น้องประชาชนชาวตลาดแม่กลอง โดยเข้านมัสการกราบไหว้สักการะหลวงพ่อบ้านแหลม ที่ชาว จ.สมุทรสงครามและประชาชนทั่วไปเคารพนับถือภายในอุโบสถวัดเพชรสมุทรวรวิหาร
จากนั้นได้นำ น.ส.ณิชาภา โกวิทานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรสงคราม เบอร์ 8 พรรคเพื่อไทย ออกเดินทักทายพ่อค้าแม่ค้าและผู้ที่มาจับจ่ายซื้อของบริเวณตลาดร่มหุบและตลาดแม่กลอง เพื่อขอคะแนนเสียง เพื่อจะได้จำนวน ส.ส.มากพอที่จะไปเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยได้รับการต้อนรับจากชาว จ.สมุทรสงครามจำนวนมาก บางรายนำดอกกุหลาบมามอบให้เป็นกำลังใจและอวยพรให้นายเศรษฐาฯ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีด้วย
จากนั้นนายเศรษฐาฯ และทีมงานพรรคเพื่อไทยได้ไปที่ห้องประชุมใหญ่สหกรณ์ประมงแม่กลองจำกัด บริเวณตลาดปลาแม่กลอง ต.แหลมใหญ่ อ.เมืองสมุทรสงครามเพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวประมง ผู้ประกอบการ และผู้นำองค์กรต่างๆ เพื่อนำไปเป็นแนวทางในการแก้ไข โดยมีนายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมประมงสมุทรสงคราม นำชาวประมงในพื้นที่ จ.สมุทรสงครามประมาณ 100 คนร่วมให้ข้อมูล
โดยนายมงคล กล่าวว่าปัญหาความเดือดร้อนของประมงที่ต้องการแก้ไขเร่งด่วนคือการที่รัฐบาลไปเข้าไอยูยู โดยไม่พิจารณาบริบทของประเทศ ส่งผลให้ประมงไทยสูญเสียรายได้หลายแสนล้านบาท ที่ผ่านมาตนได้ผลักดันร่วมกับพรรคเพื่อไทยได้มีการนำเสนอแก้กฎหมายประมงเข้าสู่สภา 7 ร่าง ทั้งพรรคร่วมฝ่ายค้าน และรัฐบาล ก็ได้ผ่านวาระที่ 1 แต่ก็ยุบสภาไปเสียก่อน ทำให้ค้างอยู่ หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล สามารถหยิบกฎหมายตัวนี้ขึ้นมาพิจารณาต่อได้เลย อีกส่วนหนึ่งถ้าเป็นไปได้ หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลขอให้ออกพระราชกำหนดฉบับใหม่มาล้างพระราชกำหนดฉบับเก่าซึ่งเป็นพระราชกำหนดพิษให้หมดไป นี่จะเป็นสิ่งที่ตรงใจชาวประมง 22 จังหวัดชายฝั่งทะเลทั่วประเทศที่จะเร็วที่สุด เพราะถ้ารอผ่านสภาก็จะช้าไปอีกนาน
นายสมพร สมุทรโสภากุล ประธานสหกรณ์ประมงแม่กลองจำกัด กล่าวว่า 8 ปีพี่น้องชาวประมงได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส จากเรือประมงพาณิชย์กว่า 20,000 ลำ ปัจจุบันเหลือแค่ 6,000-7,000 ลำ ตลาดปลาสหกรณ์ประมงแม่กลอง จากเดิมมีรถตู้ห้องเย็น 10 ล้อเฉลี่ยวันละ 50-60 คัน วันนี้เหลือ 22-25 คันเท่านั้น อาชีพชาวประมงจะล่มสลายหรือไม่วันนี้จึงมาฟังว่าถ้าพรรคเพื่อไทยหากได้เป็นรัฐบาลจะมีนโยบายแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวประมงอย่างไรให้เดินต่อไปได้ เพื่อที่จะได้ถูกใจหรือไม่ที่จะเทใจให้เต็ม 100 อย่างไรก็ตามปัญหาของชาวประมงควรจะเป็นวาระแห่งชาติและการแก้ปัญหาชาวประมงควรเริ่มจากกฏหมายลูกก่อน สำหรับตนแล้วปัญหาของชาวประมงก็คือความเดือดร้อนของประชาชนไม่ใช่มองว่าชาวประมงเป็นโจรทำผิดจนเคยตัว ซึ่งไม่ควรออกจากปากผู้นำ
นายศราวุธ โถวสกุล ที่ปรึกษาสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ท่านเศรษฐาบอกว่านายกรัฐมนตรีต้องเป็นเซลล์ของประเทศ เป็นหัวหน้าเซลล์ ส.ส.ทุกคนต้องเป็นเซลล์ประจำจังหวัด อยากเห็น ส.ส.เพื่อไทย จ.สมุทรสงครามนำพรรคเพื่อไทยซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจรวมทั้งเอาความเชี่ยวชาญของกระทรวงทบวงกรมต่างๆ และความเชี่ยวชาญทางธุรกิจมาสอน ชาว จ.สมุทรสงครามมีจุดแข็งจุดอ่อนอย่างไร เช่น 1.จะสอนหรือแนะนำการเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตรอย่างไรเป็นสิ่งที่ชาวสมุทรสงครามอยากเห็น และ 2.นำผู้เชี่ยวชาญมาร่วมกันแก้ไขปัญหาประมงหาก พ.ร.ก.ประมงฉบับใหม่ยังออกไม่ได้ขอให้แก้กฎหมายลูกให้มีความยุติธรรมกับชาวประมง
ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย กล่าวในที่ประชุมทราบว่าปัญหาเกี่ยวกับการประมงมีปัญหาหลักมีอยู่พอสมควร ตนไป จ.สมุทรสาคร จ.ชลบุรี จ.ระยอง มาแล้ว มีทั้งหมดเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหา IUU ที่รัฐบาลปัจจุบันต้องรับผิดชอบเต็มๆ เรื่องที่ไปตกลงกับ EU มาเพราะเข้าใจว่า EU เป็นตลาดใหญ่ แต่ตัวเลขที่ตนได้รับมาเราส่งออกไป EU ไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ เรือประมงไทยที่ออกไปจับปลานอกน่านน้ำเป็นพันลำไม่แน่ใจปัจจุบันเหลือ 20 ลำหรือเปล่าทำให้จากเดิมที่ไทยเป็นเจ้าทรัพยากรต้องเป็นประเทศที่นำเข้าอาหารทะเล เป็นสิ่งที่น่าเสียใจมาก การเข้าใจรากเง้าของปัญหานี้รัฐบาลปัจจุบันมีปัญหามาก ที่ผ่านมารัฐบาลแก้ปัญหาแบบมักง่าย ไม่ได้เข้าใจถึงเศรษฐกิจอย่างแท้จริง หากพรรคเพื่อไทยได้เข้ามาเป็นรัฐบาลจะเร่งแก้ไขปัญหาเรื่องนี้เป็นลำดับแรก
