#NYT #ทันหุ้น – ผู้เชี่ยวชาญเผยงานรื้อแท่นผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทย มูลค่างานไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท หรือ ไม่ต่ำกว่า 200 แท่น เข้าทาง NYT ที่แตกไลน์รุกธุรกิจนี้ ชี้อยู่ระหว่างเจรจารายละเอียดงาน เป็นโอกาสสร้างรายได้ใหม่ให้แก่บริษัท ขณะที่ปริมาณรถผ่านท่าเทียบเรือ มีนาคมฟื้นตัว โบรกให้เป้า 5.90 บาท
หลังจาก บริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) หรือ NYT ร่วมกับบริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ และบริษัท ซิโนแปคอินเตอร์เนชั่นแนล ปิโตรเลียม เซอร์วิส คอร์ปอเรชั่น บริษัทลูกในเครือรัฐวิสาหกิจจีน ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) จัดตั้งกิจการร่วมค้าในประเทศไทย เพื่อดำเนินธุรกิจรื้อถอนแท่นปิโตรเลียมมาตรฐานสากลในอ่าวไทย ชูจุดแข็งบริการครบวงจร (One-Stop Service) รายแรกในประเทศไทย รองรับความต้องการรื้อถอนแท่นปิโตรเลียมที่จะทยอยหมดอายุสัมปทานตั้งแต่ปี 2565 ต่อเนื่องไปอีก 20 ปีข้างหน้า
*NYT โอกาสสร้างรายได้ใหม่
นายเทพรักษ์ เหลืองสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ความร่วมมือที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นการขยายโอกาสทางธุรกิจที่ดี และจะสนับสนุนการเติบโตของบริษัทในอนาคต สอดรับกับพันธกิจของบริษัท ที่มุ่งมั่นพัฒนาบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีมาตรฐานระดับโลก รวมถึงการขยายบริการให้ครอบคลุมการดำเนินงานในธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ จากศักยภาพทางธุรกิจของบริษัท ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจท่าเทียบเรือเพื่อการส่งออกและนำเข้ารถยนต์แบบครบวงจร (ท่าเทียบเรือ A5 และ C0) ทั้งการให้บริการท่าเทียบเรือและบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงเป็นผู้ให้บริการพื้นที่จัดเก็บสินค้าและคลังสินค้าบริเวณท่าเรือแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี จะมีส่วนสนับสนุนสำคัญต่อธุรกิจรื้อถอนแท่นผลิตปิโตรเลียมในครั้งนี้ และจะช่วยส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง NYT กับอีก 2 หน่วยงานพันธมิตรในด้านปิโตรเคมีในประเทศไทย
แหล่งข่าววงการอุตสาหกรรม เปิดเผยถึง ขั้นตอนการดำเนินธุรกิจรื้อถอนแท่นปิโตรเลียม หลังจากลงนาม MOU จากนี้จะดำเนินการในการจัดตั้งบริษัทสำหรับทำธุรกิจดังกล่าว รวมไปถึงการขอใบอนุญาตในดำเนินการที่เกี่ยวข้อง จึงจะสามารถดำเนินธุรกิจ และร่วมประมูลงานได้ ขณะนี้ยังไม่มีช่วงเวลาที่แน่ชัด แต่เชื่อว่าธุรกิจดังกล่าวเป็นปัจจัยบวกต่อบริษัท ที่จะสนับสนุนการเติบโตของรายได้ต่อไป
ส่วนธุรกิจท่าเทียบเรือ ปัจจุบันปริมาณรถยนต์ผ่านท่าเทียบเรือในเดือนมีนาคมมีการฟื้นตัวขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่กลับไม่กลับสู่ระดับปกติจะอยู่ที่ประมาณ 90,000 คัน แต่ทั้งนี้มีหลายปัจจัยที่เข้ามากระทบทั้งสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้ ชิปขาดแคลน ทำให้การผลิตรถยนต์ไม่เป็นไปตามที่คาดซัพพลายในตลาดจึงลดลง แต่หากพิจารณาในเรื่องความต้องการรถยนต์ขณะนี้ยังมีความต้องการในระดับที่สูง ดังนั้นหากสถานการณ์ ชิปคลี่คลาย ยอดการส่งออกและนำเข้ารถยนต์ก็จะกลับมาปกติ
*มูลค่างานกว่า 1 หมื่นล้าน
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการการผลิตและสำรวจปิโตรเลียม เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีแท่นผลิตปิโตรเลียม ในอ่าวไทยที่รอการรื้อถอนไม่ต่ำกว่า 200 แท่น ดังนั้นจึงต้องเข้าไปดำเนินการจัดการส่วนนี้ เพราะในอดีตที่ผ่านมามีชาวประมงได้รับอุบัติเหตุจากการขับเรือชนแท่นผลิตอยู่เป็นระยะ ส่วนการเบิกจ่ายงบประมาณดังกล่าวก็ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาว่าจะเป็นความรับผิดชอบของใคร โดยจะเป็นบริษัทผู้รับสัมปทานเมื่อสิ้นสุดอายุสัญญาสัมปทาน หรือ ในส่วนของภาครัฐที่รับการโอนทรัพย์สินมา โดยเป็นเรื่องที่จะต้องมีการเจรจาหารือกันต่อไป แต่มูลค่างานจะไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาทต่อแท่น หากประเมินเบื้องต้นที่ 200 แท่น คาดว่ามูลค่างานจะไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท ขึ้นอยู่กับขอบเขตงานว่าจะมีการดำเนินการรื้อถอนและมีการแยกชิ้นส่วนเหล็ก หรือการนำไปจัดวางเป็นปะการังเทียม เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุถึง NYT ว่า เชื่อว่าธุรกิจรื้อถอนแท่นปิโตรเลียมในอ่าวไทยมีแนวโน้มที่ดีในระยะยาวตามอุปสงค์ของประเทศ และจากสัมปทานปิโตรเลียมหลายโครงการที่จะหมดอายุในอีก 20 ปี ข้างหน้า ดังนั้นเชื่อว่าเป็นข่าวดีสำหรับ NYT และช่วยเพิ่มรายได้ในอนาคต แต่คิดว่ายังเร็วเกินไปที่จะสามารถประเมินผลกระทบต่อรายได้ของ NYT จึงยังคงคาดการณ์รายได้และกำไรสุทธิปี 2565-2565 ตามเดิม และแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5.90 บาท
