กกต.มีมติเอกฉันท์รับรอง “ชัชชาติ” เป็นผู้ว่าฯ กทม. ตีตก 2 คำร้อง เจ้าตัวขอบคุณ “ศรีสุวรรณ” ยื่นสอบยิ่งชอบธรรม โยนฝ่าย กม.พิจารณาฟ้องกลับหรือไม่ ด้าน “ปรเมศวร์” ยังไม่ได้นั่งนายกเมืองพัทยา พิษ “บัตรเขย่ง” สั่งเลือกใหม่ 2 หน่วย
เมื่อวันที่ 31 พ.ค. คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติประกาศรับรองผลการเลือกตั้งผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จำนวน 1 ราย ได้แก่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร จำนวน 5 ราย ประกอบด้วย นายพินิจ กาญจนชูศักดิ์ ส.ก.เขตสัมพันธวงศ์, นายนวรัตน์ อยู่บำรุง ส.ก.เขตหนองแขม, นายเนติภูมิ มิ่งรุจิราลัย ส.ก.เขตบึงกุ่ม, นายปวิน แพทยานนท์ ส.ก.เขตบางคอแหลม, นายณภัค เพ็งสุข ส.ก.เขตลาดพร้าว ทำให้เหลือผู้สมัคร ส.ก.อีก 5 คนที่ กกต.ยังไม่รับรอง ได้แก่ นายพีรพล กนกวลัย ผู้สมัครพรรคก้าวไกล เขตพญาไท, นายประพฤทธ์ หาญกิจจะกุล ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย เขตห้วยขวาง, น.ส.อนงค์ เพชรทัต ผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐ เขตดินแดง, น.ส.รัตติกาล แก้วเกิดมี ผู้สมัครพรรคไทยสร้างไทย เขตสายไหม,นายอนุรักษ์ เลิศวัฒนาไพบูลย์ ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย เขตวังทองหลาง
ทั้งนี้ สำนักงาน กกต.ได้เผยแพร่เอกสารข่าว โดยระบุว่า กกต.ไม่อาจประกาศผลการเลือกตั้งได้ทันทีที่ได้รับรายงานผลการนับคะแนน เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งต้องดำเนินการให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด กล่าวคือต้องดำเนินการตรวจสอบเบื้องต้นตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 เสียก่อนว่ามีเหตุอันควรเชื่อว่าผลการเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมหรือไม่ ไม่ว่าจะมีผู้ร้องเรียนหรือไม่ก็ตาม โดยพิจารณาจากรายงานของผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร และรายงานของผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร ประกอบการพิจารณาเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อประกาศผลการเลือกตั้งต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อน กกต.มีมติประกาศผลการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มีการพิจารณาสำนวนเรื่องร้องเรียนนายชัชชาติทั้งสองเรื่อง คือกรณีจัดทำป้ายหาเสียงจูงใจเพื่อให้ผู้มีสิทธิลงคะแนนให้กับตนเอง และกรณีถูกกล่าวหาพูดจาดูหมิ่นระบบราชการ โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ตามที่สำนักงานเสนอไม่รับเป็นเรื่องร้องเรียน เพราะเห็นว่าไม่ได้ทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยไม่สุจริตเที่ยงธรรม ทำให้หลังจากนี้ นายชัชชาติสามารถปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องกังวลกับการต้องถูกดำเนินการสอบสวนจากเรื่องร้องเรียนดังกล่าว โดยสำนักงาน กกต.ประจำกรุงเทพมหานครได้จัดสถานที่ เตรียมเก้าอี้เพื่อรองรับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และสมาชิกสภากรุงเทพมหานครทั้ง 45 คน ที่นัดหมายเดินทางมารับประกาศผลการเลือกตั้งในวันที่ 1มิ.ย.65 เวลา 11.00 น.
ทางด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. พร้อมนายเรืองเดช พงษ์จันทรโอ ผู้ช่วย ผอ.เขตดินแดง และนางอนงค์ เพชรทัต ว่าที่ ส.ก.เขตดินแดง พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งอยู่ระหว่างลงพื้นที่บริเวณโรงเรียนวิชากรและแฟลตดินแดง ให้สัมภาษณ์ว่า นี่คือบทพิสูจน์ว่าประเทศมีความหวัง เราเห็นต่างกันได้ อย่าทะเลาะ อย่าโกรธอย่าเกลียดกัน หลายคนเมื่อก่อนเกลียดเรา ก็มาให้โอกาสเรา พร้อมเดินไปด้วยกัน เป็นก้าวต่อไปที่สำคัญ นโยบายที่เขียนไว้ เจ้าหน้าที่ กทม.ก็ทำเลย เป็นนิมิตหมายที่ดีจากการร่วมมือทุกๆ คน จากการลงพื้นที่หลายวันที่ผ่านมา เหมือนเป็นการเดินดูปัญหาเป็นจุดๆ แต่จริงๆ เป็นการส่งสัญญาณว่าต้องแก้ไข โดยไม่ต้องรอผู้ว่าฯ รอไปแก้ เราได้ส่งสัญญาณแล้วว่าเราเอาจริง ในวันที่ 1 มิ.ย. เวลา 13.00 น. จะเข้าไปที่ศาลาว่าการ กทม. เพื่อทำพิธีตามกระบวนการให้ครบ และพูดคุยเรื่องแผนงาน เน้นความเรียบง่าย ทั้งนี้ การที่เข้าไปรับตำแหน่งไม่มีผลกับการรับใช้ประชาชน การเดินทางไปยังศาลาว่าการ กทม. คงจะได้เชิญผู้บริหาร กทม.มาคุย อยากฟังความเห็นต่อนโยบาย อยากจะถามว่าเห็นอย่างไรเกี่ยวกับนโยบาย เห็นด้วยหรือไม่ เพื่อหาคำตอบร่วมกัน ปรับแผนและทำเคพีไอร่วมกัน
เมื่อถามถึงกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องต่อ กกต.ขอให้ตรวจสอบ นายชัชชาติกล่าวว่า ขอบคุณนายศรีสุวรรณและ กกต.ที่ตรวจสอบ ยิ่งตรวจสอบเรายิ่งมีความชอบธรรมมากขึ้น มีคนตรวจสอบเรา ดีใจ พร้อมที่จะได้รับการตรวจสอบ เมื่อถามถึงกรณีที่มีผู้ร้องเรียน จะมีการดำเนินการต่อผู้ร้องเรียนอย่างไรบ้าง นายชัชชาติกล่าวว่า คงต้องปรึกษาฝ่ายกฎหมาย คิดว่าก็เป็นไปตามกระบวนการตามระบบ แต่ต้องขอบคุณนายศรีสุวรรณที่ร้องเรียน เพราะทำให้มีการตรวจสอบ ซึ่งก็เป็นไปตามระบบ ไม่มีการลัดขั้นตอน เรามาอย่างสง่าภาคภูมิ คิดว่ามีเรื่องอื่นต้องทำอีกมาก เดี๋ยวก็คงต้องปรึกษาฝ่ายกฎหมายอีกทีว่าเป็นอย่างไร ขอยืนยันว่าจะรับใช้ประชาชน ไม่ได้อยู่แต่ในห้องแอร์
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความยินดีกับนายชัชชาติ โดยระบุว่า ก็ยินดีด้วยที่ได้ทำงาน ผู้สื่อข่าวถามว่ามีอะไรจะฝากถึงนายชัชชาติหรือไม่ นอกจากการแสดงความยินดี พล.อ.ประยุทธ์กล่าวก่อนที่จะขึ้นรถเพื่อเดินทางไปเป็นประธานการประชุมสามัญคณะกรรมการมูลนิธิสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ ประจำปี พ.ศ.2565 ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า “ก็คงต้องมาคุยกับนายกฯ ก่อน เขาต้องมาอยู่แล้ว”
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นอกจากนั้น กกต.ยังมีมติประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาเมืองพัทยา จำนวน 12 ราย ประกอบด้วย นายเฉลิมพล ผลลูกอินทร์, นายสรวิศ สุทธิธำรงสวัสดิ์, นายวิเชษฐ หนองใหญ่, นางสาวภคินี รุ่งรัตนพันธ์, นายสุริวัฒน์ เริ่มกิจการ, นายสุรินทร์ ยิ้มใย, นายบรรจง บัณฑูรประยุกต์, นายจิรวัฒน์ ปลุกใจ, นายดิลก ทองนาค, นายดำรงค์เกียรติ พินิจการ, นายวิศัลย์ เพ็ชรตระกูล, นายวสันต์ สุขขี, นางจิดาภา สุวัตถาภรณ์, นายศุภฤกษ์ ชมภูนุช, นายบรรลือ กุลละวณิชย์, นายธนภัทร อุดมรัตนกูลชัย, นายภาสกร อยู่สมบูรณ์, นายอนุพงษ์ พุทธนวรัตน์, นายนิคม แสงแก้ว, นายเมธากฤษฏิ์ สุนทรส, นายวุฒิธร แสงอุไร, นายสุชาติ ขุนเจ๋ง, นายไพรวัลย์ อารมณ์ชื่น และนายประสาทพร ดีเด่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนกรณีการเลือกตั้งนายกเมืองพัทยา ที่นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ ผู้สมัครนายกเมืองพัทยา เบอร์ 1 กลุ่มเรารักพัทยา ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนสูงสุดตามความคาดหมายอยู่ที่ 14,349 คะแนนนั้น กกต.ยังไม่มีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเบื้องต้นจากปัญหาบัตรเลือกตั้งหาย 2 ใบ ซึ่งยังไม่สามารถระบุสาเหตุหรือปัญหาที่เกิดขึ้นได้ รวมทั้งปัญหาบัตรเลือกตั้งเขย่ง 2 ใบ ในเขตเลือกตั้งที่ 2 และ 3 ขณะนี้ ที่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุและหาต้นตอได้เช่นกัน ทำให้ยังไม่มีการรับรองการเลือกตั้งนายกเมืองพัทยา
น.ส.วิชชุดา เมฆานุวงศ์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า สำนักงาน กกต.ชลบุรีได้รับหนังสือแจ้งจากทางสำนักงาน กกต.กลาง มีคำสั่งให้มีการออกเสียงลงคะแนนนายกเมืองพัทยาใหม่ในเขตเลือกตั้งที่ 1 หน่วยเลือกตั้งที่ 2 และเขตเลือกตั้งที่ 4 หน่วยเลือกตั้งที่ 20 ในวันอาทิตย์ที่ 12 มิ.ย.นี้ เนื่องจากปรากฏว่าหน่วยเลือกตั้งดังกล่าวทั้ง 2 หน่วยนั้นมีจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ตรงกับจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ใช้ออกเสียงลงคะแนนโดยไม่ทราบสาเหตุ ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหาการนำบัตรไปใช้ในทางทุจริตหรือเวียนเทียนบัตร จึงสั่งให้มีการออกเสียงลงคะแนนใหม่ โดยหลังการเลือกตั้งในวันที่ 12 มิ.ย.เสร็จสิ้น ทาง กกต.จะนำผลคะแนนของทั้ง 2 หน่วยที่สั่งออกเสียงลงคะแนนใหม่ไปรวมกับผลคะแนนก่อนหน้านี้.
