ผลพวงจากคดีบุกรุกอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในเขต จ.ปราจีนบุรี ที่นายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีบุรี หลบหนีหมายจับ ส่งผลสะเทือนต่อสองพ่อ-ลูกตระกูลวิลาวัลย์ เมื่อมีกระแสกดดันให้นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ ลาออกจากตำแหน่ง
“บิ๊กตู่” รอศาลชี้คดี “กนกวรรณ”
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 13 มิ.ย. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ครั้งที่ 3/2565 ผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ ถึงกระแสกดดันให้นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ ลาออกจากตำแหน่งหลังถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลคดีออกโฉนดที่ดินบุกรุกอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี มีการยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ได้แต่ส่ายศีรษะกล่าวเพียงสั้นๆว่า “ยังไม่มีอะไรน่ะ” ต่อมาเวลา 12.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้อีกครั้งว่า ติดตามเรื่องนี้มาตลอด ปรึกษาฝ่ายกฎหมายแล้วได้รับคำชี้แจงว่าเรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม จะออก ไม่ออก อะไรต่างๆ หากศาลเห็นว่ามีเหตุผลความจำเป็น ต้องมีคำสั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่เอง อันนี้เป็นขั้นตอนของศาลแล้ว อยู่ในกระบวนการเข้าไปแล้ว เมื่อถามว่าพรรคภูมิใจไทยเสนอขอปรับ ครม.หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ยังไม่มี ส่วนความสัมพันธ์ของ 3 ป. “ก็ร่วมกันมาตลอดนะจ๊ะ ทั้งวันนี้และวันหน้า ทุกอย่างเหมือนเดิม”
“วิษณุ” ชี้ต้องให้ศาลมีคำสั่ง
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่านางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ ยังไม่ต้องลาออกจนกว่าจะได้ความว่าผิด หรือวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง และหยุดปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงหากศาลรับคำฟ้องก็ไม่จำเป็นต้องลาออก ต้องมีการสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ หรือจะหยุดเองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เหมือนกับรัฐมนตรีหลายคนก็ถูกฟ้องและอยู่ในศาล ก็ไม่มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส่วนการยุติปฏิบัติหน้าที่ศาลจะเป็นผู้สั่ง และต้องแล้วแต่เรื่องทุจริต หรือเรื่องอะไร ดังนั้นเรื่องนี้รอให้ศาลสั่งก็แล้วกัน
เลขาฯ ครม.ยังไม่เห็นใบลาออก
นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ จะยื่นใบลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่า “ยังไม่เห็นเลยค่ะ” เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงขั้นตอนของการที่รัฐมนตรีจะลาออกจากตำแหน่ง นางณัฐฏ์จารีปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยยกมือขึ้นเพื่อตัดบท ก่อนจะเดินเข้าห้องประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่มีนายกฯเป็นประธานการประชุม
“เสี่ยหนู” โยนเป็นเรื่องส่วนตัว
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ ถึงกระแสข่าวนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ ยื่นใบลาออกว่า ได้คุยกับนางกนกวรรณแล้วได้รับ
คำยืนยันว่าบริสุทธิ์ ก็บอกไปว่าขอให้นำหลักฐานต่างๆไปชี้แจง หรือแถลงข่าว เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ดีกว่าเจ้าตัว กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับพรรค ไม่ได้ถูกกล่าวหาว่าผิดกฎหมายเลือกตั้ง และตามรัฐธรรมนูญระบุว่า หากศาลประทับรับฟ้องต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ถึงจุดนั้นพรรคภูมิใจไทยค่อยหารือกันว่าความเหมาะสมคืออย่างไร ขณะนี้ยังไม่มีใครเห็นสำนวนว่านางกนกวรรณถูกกล่าวหาอย่างไร เป็นเรื่องส่วนตัวที่ต้องรับผิดชอบตัวเอง คนที่มีความผิดจริยธรรม หรือทุจริต พรรคคงไม่ต้องรอใบเสร็จ คงมีการพูดคุยถ้ารู้ว่าผิดจริง ก็ต้องแสดงสปิริตมากกว่าถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่เราคงไปบังคับให้ใครลาออกไม่ได้ ถ้านายกฯบอกว่าพรรคต้องดูให้ดี ทางพรรคก็ต้องมาดูให้ดี อย่างที่บอกเรายังไม่เห็นสำนวนจึงต้องให้ศาลประทับรับฟ้องก่อน แล้วค่อยมาพิจารณา
ภท.ให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบ
ที่รัฐสภา นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกระแสกดดันให้นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ ลาออกว่า พรรคยังไม่คุยกันเรื่องนี้ ยังตอบไม่ได้นางกนกวรรณจะลาออกหรือไม่ แต่พรรคไม่ได้ละเลยการตรวจสอบข้อเท็จจริงในฐานะฝ่ายกฎหมายให้ทีมงานไปตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ คาดว่าจะมีความชัดเจนในการประชุมพรรคภูมิใจไทยวันที่ 14 มิ.ย. เรื่องนี้ต้องไปดูข้อบังคับพรรคว่าการกระทำใดไม่สามารถให้ดำรงตำแหน่งได้ หากข้อบังคับบอกว่าเดินต่อไปไม่ได้ก็ต้องออก ถ้าไม่ห้ามต้องดูเรื่องมารยาททางการเมือง ส่วนนายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี ที่ยังหลบหนีคดีอยู่นั้น ไม่แน่ใจเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่ แต่นายสุนทรมีความสัมพันธ์กับพรรค เรื่องนี้เป็นเรื่องเก่า 20 ปีมาแล้ว พรรคก็ตกใจไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน แต่ในเนื้องานความรับผิดชอบความเป็นรัฐมนตรี นางกนกวรรณทุ่มเททำงานเป็นที่ยอมรับในพรรค คิดว่าไม่มีผลกระทบต่อพรรคในการเลือกตั้ง เชื่อว่าประชาชนในพื้นที่เข้าใจ วันนี้ยังต้องสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์
จี้อธิบดีอุทยานฯอย่าทำนิ่ง
นายดำรงค์ พิเดช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ประธานที่ปรึกษากรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า คดีของนายสุนทร วิลาวัลย์ ที่หมดอายุความลงวันที่ 13 มิ.ย. เป็นเรื่องของตัวโฉนด เป็นคนละเรื่องกับการบุกรุกอุทยานฯที่มีการแจ้งความดำเนินคดีไว้แล้ว ส่วนตัวโฉนดที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดไว้แล้วก็ส่งเรื่องให้ศาลตัดสินและเพิกถอนต่อไป ดังนั้น วันนี้อธิบดีกรมอุทยานฯ จะอยู่เฉยไม่ได้ ต้องไปแจ้งความดำเนินคดีทันที เมื่อแจ้งความแล้วศาลอาจจะออกหมายจับใหม่เลยก็ได้ ไม่ต้องห่วงว่าคดีนี้จะหมดอายุความ เพราะมีทั้งคดีอาญาและคดีแพ่งตามมาอีกเป็นพรวน ที่ผ่านมาอาจไม่เคยมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยนัก ที่มีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องชัดเจน จึงทำให้สังคมเกิดความสับสนในเรื่องการขาดอายุความของคดีและการดำเนินการในส่วนของ ป.ป.ช.
ลั่น “โกทร–กนกวรรณ” เหนื่อยแน่
พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการศูนย์การประสานการปฏิบัติ (ศปป.) ที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ชุดจับกุมดำเนินคดีนายสุนทร และนางกนกวรรณกับพวกกรณีบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในเขต จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า การจับกุมตรวจยึดพื้นที่บุกรุกของนายสุนทรและนางกนกวรรณ ในปี 2563 แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.คดีบุกรุกใหม่ ออกนอกโฉนดเข้าไปในเขตอุทยานฯเขาใหญ่ ตรวจยึด 7 แปลง พื้นที่รวม 24 -1-88 ไร่ ขณะนี้คดีอยู่ในขั้นพิจารณาของอัยการสูงสุด และ 2.การออกโฉนดโดยมิชอบ 3 แปลง ส่ง ป.ป.ช.ดำเนินการ ทั้ง 2 คดีนี้นายสุนทรและนางกนกวรรณเหนื่อยแน่ เพราะคดีรุกป่าหรือคดีสิ่งแวดล้อม ส่วนใหญ่จะไม่รอดจากความผิด
ตร.ยังคว้าน้ำเหลวล่า “โกทร”
ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการตามจับกุมตัวนายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ข้อหาสนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ รักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล ในคดีบุกรุกอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี ที่ยังหลบหนีอยู่ว่า ยังไม่สามารถติดตามจับกุมตัวนายสุนทรได้ คดีนี้ ป.ป.ช.เป็นหน่วยสอบสวนหลัก ส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) โดยกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เป็นผู้ช่วย ขณะนี้ส่งหมายจับไปทั่วประเทศแล้ว ตำรวจจะทำให้ดีที่สุด ส่วนผู้ให้การช่วยเหลือหลบหนีต้องถูกลงโทษ อายุความยังมีอยู่
ป.ป.ช.ชี้ “สุนทร” ยังมีคดีอีกอื้อ
ขณะที่นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ กรณีไม่สามารถติดตามตัวนายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี มาดำเนินคดีฐานสนับสนุนเจ้าหน้าที่ออกโฉนดที่ดินรุกป่าเขาใหญ่โดยมิชอบ ได้ทันกรอบเวลาวันที่ 13 มิ.ย.ว่า คดีที่หมดอายุความเป็นเฉพาะกรณีการสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิด แต่ยังมีความผิดกรณีอื่นที่สามารถเอาผิดนายสุนทรได้ เช่น การบุกรุกพื้นที่ป่าที่ยังไม่จบ ตราบใดที่ยังครอบครองที่ดินอยู่แสดงว่ามีเจตนาบุกรุกต่อเนื่อง ข้อหานี้ไม่เกี่ยวกับคดีที่หมดอายุความลง ต้องแยกจากกันเป็นความผิดคนละมาตรา คนละกฎหมาย คดีบุกรุกป่ายังคงอยู่แต่มีปัญหาอยู่ที่ใครเป็นผู้ดำเนินการ ใครเป็นเจ้าของทรัพย์ เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ดูแลอุทยานแห่งชาติในฐานะผู้เสียหายต้องไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน ยังมีอีกคดีคือ กรณีที่ดิน อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี เมื่อปี 2555 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นเจ้าของเรื่อง มีการส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดไปแล้ว เพราะพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐและนายสุนทรร่วมด้วย ที่ดินนายสุนทรไม่ได้มีแค่โฉนดเดียว เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบว่าทั้งหมดมีอยู่เท่าไร เพราะมีอยู่หลายแปลง น่าจะมี 10 กว่าโฉนด โดยเฉพาะโฉนดบริเวณ อ.เนินหอม อ.ประจันตคาม ที่เป็นเขตที่ติดอุทยานฯ เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบอยู่
ลั่นทำอะไรต้องได้รับกรรมนั้น
เมื่อถามว่า ถือว่า ป.ป.ช.ทำงานฟาวล์หรือไม่ นายนิวัติไชยตอบว่า ไม่ฟาวล์ ป.ป.ช.ต้องส่งเรื่องให้กรมที่ดินเพิกถอนที่ดินให้กลับมาเป็นของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ใครทำอะไรต้องได้รับกรรมนั้น ส่วนประเด็น พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตมาตรา 7 ที่มีการแก้ไขใหม่ระบุว่า ถ้าผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีระหว่างดำเนินคดี อายุความต้องสะดุดลง จะมาบังคับใช้กับกรณีนายสุนทรได้หรือไม่นั้น คดีนายสุนทร เกิดเมื่อปี 2545 แต่กฎหมาย ป.ป.ช.ที่ให้อายุความสะดุดหยุดลง หากหนีคดี เป็นการแก้ไขเมื่อปี 2554 ศาลวินิจฉัยแล้วว่า การบังคับใช้กฎหมายในทางที่เป็นโทษย้อนหลังทำไม่ได้ ดังนั้น จะใช้ย้อนหลังไม่ได้
บี้ มท.1 สอยพ้นนายก อบจ.ปราจีนฯ
นายนิวัติไชยกล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าการถอดถอนนายสุนทรจากตำแหน่งนายก อบจ.ปราจีนบุรีนั้น ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจถอดถอน ต้องให้ต้นสังกัดคือ กระทรวงมหาดไทย พิจารณาว่าขาดคุณสมบัติหรือไม่ เป็นการประพฤติเสื่อมเสียหรือไม่ กรณีสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิดในการรุกป่า การหนีหมายจับ รมว.มหาดไทยต้องพิจารณาว่า นายสุนทรขาดคุณสมบัติหรือไม่ ป.ป.ช.เพียงชี้แนะว่ามีประเด็นเช่นนี้ แต่อำนาจถอดถอนโดยตรงคือต้นสังกัดกระทรวงมหาดไทย การกระทำของนายสุนทรเป็นการกระทำในฐานะเอกชน ในปีดังกล่าวนายสุนทรไม่ได้ดำรงตำแหน่งใดๆ เพิ่งมาดำรงตำแหน่งภายหลัง ไปเอาผิดย้อนหลังไม่ได้ ถ้า ป.ป.ช.จะถอดถอนได้ต้องเป็นการกระทำความผิดระหว่างดำรงตำแหน่งนายก อบจ.ปราจีนบุรี
“ชลน่าน” รัวเกราะซักฟอก 4 วัน
ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวภายหลังการประชุมหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านถึงร่างญัตติยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ตัวร่างญัตติเสร็จเรียบร้อยแล้ว จำนวนผู้ถูกอภิปรายยังคงมี 10 คนตามที่แถลงไป เว้นแต่มีความจำเป็นต้องเพิ่มอาจเพิ่มก่อนการยื่นต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร คาดว่าจะเป็นตามนี้ไม่มีเปลี่ยนแปลง ยืนยันว่าจะยื่นได้ในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ จากนั้นพรรคร่วมฝ่ายค้านจะแถลงในรายละเอียดอีกครั้ง ส่วนกรอบเวลาอภิปรายเชื่อว่าต้องไม่น้อยกว่า 4 วัน คาดว่าเป็นช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน ก.ค.หรือช่วงวันที่ 18-22 ก.ค. ส่วน 2 รัฐมนตรีที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลและมีคดีฟ้องร้องอยู่ ไม่มีผลอะไรกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน หากรัฐมนตรีอยู่ในญัตติแม้ลาออกไปแล้วก็ยังอภิปรายฯได้
เชือด รมต.ตายคาสนามเลือกตั้ง
นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เรามีข้อมูลและหลักฐานทุจริตของรัฐบาลชัดเจน งานนี้ประชาชนที่ได้รับฟังจะเชื่อทันทีว่ารัฐบาลทุจริตแน่นอน เราจะน็อกบรรดารัฐมนตรีในสภาฯ และให้ไปตายในสนามเลือกตั้ง การประชุม ส.ส.พรรควันที่ 14 มิ.ย. จะเปิดให้ ส.ส.เซ็นชื่อในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ รวมทั้งจะได้หารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอีกครั้งเพื่อเซ็นชื่อในญัตติร่วมกัน ก่อนยื่นญัตติต่อประธานสภาฯ
ก.ก.หวั่นเหลี่ยม รบ.ทำเดดล็อก
นายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่า ภาพรวมพรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นตรงกันว่ารายชื่อรัฐมนตรีทั้ง 10 คน คือกลุ่มที่จะถูกอภิปราย แต่อาจมีความแตกต่างในความลึกของข้อมูลรัฐมนตรีแต่ละคน ที่ยังมีรายละเอียดและหลักฐานเพิ่มเติมเข้ามาเรื่อยๆ พรรคยังคงเน้นน้ำหนักไปที่ 3 ป. และไต่ระดับลงมาถึงนั่งร้านต่างๆ เพราะมีส่วนร่วมบริหารราชการแผ่นดินที่ผิดพลาด เป็นห่วงว่าหากเกิดกรณีที่รัฐบาลลาออก หรือถูกโหวตไม่ไว้วางใจ และกฎหมายลูกที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งไม่เสร็จ จะทำให้เกิดเดดล็อกทางการเมืองทันที นอกจากนี้ช่วงเดือน ก.ค.มีช่วงวันหยุดยาว 2 ช่วง เกรงว่ารัฐบาลอาจบีบให้ไปอภิปรายช่วงนั้น เพื่อให้คนไม่สนใจการอภิปรายเท่าที่ควร เพราะรัฐบาลเคยทำมาแล้วเมื่อ 2 ปีก่อน
ส.ว.เงียบฉี่ไม่กล้าแตะรัฐบาล
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว. โฆษกวิปวุฒิสภา กล่าวว่า ส.ว.ยังไม่ได้หารือประเด็นขอเปิดประชุมวุฒิสภาเป็นการทั่วไป เพื่อให้ ครม.แถลงข้อเท็จจริง หรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153 ที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวไว้ การขอเปิดอภิปรายดังกล่าวไม่ใช่อำนาจประธานวุฒิสภา แต่เป็นการเข้าชื่อของ ส.ว.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของสมาชิกเท่าที่มีอยู่ เท่าที่ทราบยังไม่มี ส.ว.กลุ่มใดหารือเรื่องดังกล่าว และที่ผ่านมา ส.ว.ยังไม่เคยใช้
ปชป.จี้ “ตู่” ปลด “สุพัฒนพงษ์”
อีกเรื่อง นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส. ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ประธานอนุกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรมหาชนและกองทุนสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่าจากวิกฤติราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นผิดปกติ เคยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพลังงาน บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มาหารือหลายครั้ง ขอให้ ปตท.และกระทรวงพลังงานส่งข้อมูลเกี่ยวกับต้นทุนการกลั่นน้ำมันมายัง กมธ. แต่ ปตท.กลับปฏิเสธอ้างว่าเป็นแค่ผู้ถือหุ้น ไม่สามารถส่งข้อมูลให้ได้ ทั้งที่ในความเป็นจริง ปตท.เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ การปฏิเสธเช่นนี้แสดงถึงความไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาราคาน้ำมัน ที่ผ่านมาเคยตั้งกระทู้ถามนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯและรมว.พลังงาน แต่ก็ขอเลื่อนมาเรื่อย ขอเรียกร้องไปยังนายกฯให้ลงมาดูแลจริงจัง และหากนายสุพัฒนพงษ์ทำไม่ได้ ควรเปลี่ยนตัวออกไป แล้วให้นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า อดีต รมว.คลัง มาเป็นแทน คิดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นกว่าเดิม
“อุ๊งอิ๊ง” ลุยศรีสะเกษล่องูเห่า
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความเคลื่อนไหวพรรคเพื่อไทย จากกรณี 3 ส.ส.ศรีสะเกษ คือนายจาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ นายธีระ ไตรสรณกุล นางผ่องศรี แซ่จึง ไปเปิดตัวกับพรรคภูมิใจไทย ทำให้เกิดความชัดเจนว่าทั้ง 3 คนนี้ย้ายพรรคแน่ ทำให้ นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ รวมถึงว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทยคนอื่นที่ถูกวางตัวให้เป็นผู้สมัครพรรคเพื่อไทยแทนทั้ง 3 คน ขึ้นป้ายประกาศตัวว่าจะเป็นผู้สมัคร ส.ส.ในนามพรรคเพื่อไทยทันที และวันที่ 18 มิ.ย. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย จะลงพื้นที่ทำกิจกรรมที่ อ.อุทุมพรพิสัย ราษีไศล และขุนหาญ จึงต้องจับตาดูการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครอย่างเป็นทางการ รวมถึงการเตรียมคนมาร่วมกิจกรรมของพรรคเพื่อไทย จะมีจำนวนมากกว่าเวทีของพรรคภูมิใจไทยที่เป็นคู่แข่งหรือไม่
กห.ไทย-สหรัฐฯกระชับสัมพันธ์
เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ศาลาว่าการกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้การต้อนรับนายลอยด์ เจ. ออสติน ที่ 3 รมว.กลาโหมสหรัฐอเมริกา ในโอกาสเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในฐานะแขกของกระทรวงกลาโหม ระหว่างวันที่ 12-14 มิ.ย. โดยทั้ง 2 ฝ่ายชื่นชมความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมายาวนาน หารือแลกเปลี่ยนมุมมอง อาทิ ปัญหาทะเลจีนใต้ และเมียนมา โดยไทยสนับสนุนการดำรงบทบาทที่สร้างสรรค์ ปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ แก้ปัญหาด้วยสันติวิธี ยืนยันในท่าทีอาเซียนที่ไม่ต้องการให้เกิดปัญหาขัดแย้งในภูมิภาค ขณะที่สหรัฐฯยืนยันพร้อมสนับสนุนพัฒนากองทัพไทยให้ทันสมัย และมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะด้านไซเบอร์ และอวกาศในปี 2566
“ตู่-นกเขา” ยืนต้านข้างกระทรวง
ก่อนหน้านี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กับนายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย นำมวลชนกลุ่มรวมประชาชนไปรวมตัวกันที่สี่แยกสะพานช้างโรงสี หลังกระทรวงกลาโหม แสดงจุดยืนต่อต้านการลงนามในบันทึกข้อตกลงยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ร่วมกับสหรัฐฯเมื่อวันที่ 17 พ.ย.2562 มองว่าเป็นการพาไทยเข้าสงคราม มีการปราศรัยนำป้ายข้อความว่า Get Out USA, No Indo-Pacific, ประยุทธ์ตอบหน่อยทำไมต้องเอาประเทศไทยเข้าไปร่วมปกป้องไต้หวัน มาวางบริเวณหน้ารั้วเหล็กกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมหยุดการปราศรัยชั่วคราว ตามที่ได้ตกลงกับเจ้าหน้าที่ เพราะเป็นช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ กับนายลอยด์เดินทางเข้ากระทรวง ก่อนที่ตัวแทนกลุ่มจะอ่านแถลงการณ์ ยื่นหนังสือผ่านตัวแทนกระทรวงกลาโหม ก่อนยุติการจัดกิจกรรม
โฆษกฯยันแค่คิดแต่ทำอีกเรื่อง
ขณะที่ พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกลุ่มประชาชนคนไทยมาต่อต้านว่า ขอบคุณที่แสดงความห่วงใยต่อประเทศ ถือเป็นสิทธิตามกฎหมาย กระทรวงกลาโหมพร้อมรับฟังเพื่อความรอบคอบ การลงนามในแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วมระหว่างไทย-สหรัฐฯว่าด้วยการเป็นพันธมิตรด้านการป้องกันประเทศ 2020 เป็นเพียงกรอบแนวคิด และจุดยืนที่มีร่วมกัน มิได้เป็นสนธิสัญญา หรือมีข้อผูกพันทางกฎหมายที่ต้องปฏิบัติ ขอให้เชื่อมั่นการทำหน้าที่ภารกิจป้องกันประเทศที่ยังยึดมั่นผลประโยชน์ชาติเป็นหลัก
กกต.รับรองนายกเมืองพัทยา
วันเดียวกัน ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาผลการตรวจสอบการเลือกตั้งนายกเมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เบื้องต้นมีเหตุอันควรเชื่อว่าผลการเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่นมาตรา 17 จึงมีมติประกาศผลรับรองการเลือกตั้งให้นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ ผู้สมัครหมายเลข 1 กลุ่มเรารักพัทยา เป็นนายกเมืองพัทยา โดยการประกาศดังกล่าวไม่เป็นการตัดหน้าที่และอำนาจของ กกต.ที่จะดำเนินการสืบสวนไต่สวนหรือวินิจฉัยเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าการเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม
นายกฯเตือนระวังเสียอนาคต
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเริ่มมีม็อบออกมาเคลื่อนไหวไล่อีกครั้งว่า ขึ้นอยู่ว่าทำถูกต้องตาม กฎหมาย ขออนุญาตไม่ใช้ความรุนแรงหรือไม่ ต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจเสี่ยงภัยทุกวัน ถ้าไม่ใช้ความรุนแรงคงไม่ต้องปฏิบัติการอะไร ห้ามไปตรงไหนก็ห้ามไปถ้าไปเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการ ขอเตือนน้องๆ หลานๆ ลูกๆ ทุกคนมีสิทธิแสดงออก แต่ขอว่าให้คำนึงถึงกฎหมาย ไม่อยากให้มีคดีความในวันข้างหน้ามันเสียอนาคต ไม่ได้ขู่ เพราะนี่คือกฎหมาย เป็นเวลาที่เราต้องช่วยกันแก้ปัญหา เรื่องอื่นเอาไว้ก่อนได้ไหม
ตำรวจเจอหลักฐานมัดม็อบ
เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น. พ.ต.อ.พิทักษ์ สุทธิกุล รอง ผบก.สปพ. และ พ.ต.อ.รัฐชัย ศรีวิชัย ผกก.สน.ดินแดง นำกำลังตำรวจ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (อีโอดี) สายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 สุนัขตำรวจ (K9) เข้าค้นหาวัตถุต้องสงสัยบริเวณใต้ทางด่วนดินแดง หลังกลุ่มทะลุแก๊สรวมตัวจัดกิจกรรมทางการเมืองช่วงวันที่ 11-12 มิ.ย. กระจายกำลังเดินปูพรมตรวจค้นตั้งแต่แฟลตดินแดงจนถึงคอนโดมิเนียมรัดเกล้า และใต้ทางด่วนดินแดง พบระเบิดปิงปองพร้อมใช้งานประมาณ 20 ลูก ประทัด, ลูกแก้ว, ไฟแช็ก ที่ผู้ชุมนุมซุกซ่อนไว้ก่อเหตุ เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐานของกลางใช้ดำเนินคดีตามขั้นตอน
ล่ามือปาบึมป่วนค่ายทหาร
อีกกรณีเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น Part 2 โพสต์คลิปเหตุการณ์ที่มีกลุ่มวัยรุ่นขับขี่รถ จยย. 2 คัน บริเวณอุโมงค์บางบัว ใกล้กับกรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ร.11 ทม.รอ.) ขามุ่งหน้าเข้าถนนลาดปลาเค้า มีการขว้างปาวัตถุคล้ายระเบิด 2 ครั้ง แปะสติกเกอร์ใช้คำว่าลองหน่อย 100 คลิปดังกล่าวเป็นคลิปที่มาจากสตอรีของเฟซบุ๊กชื่อ “ความตายไม่เคยเตือนใคร” สำหรับจุดเกิดเหตุดังกล่าวพบเป็นถนนเลียบ ร.11 ทม.รอ. ใกล้กับวัดบางบัว ทั้งนี้ ไม่เหลือร่องรอยเศษวัตถุระเบิดหลงเหลือแล้ว
ต่อมาเวลา 14.45 น. พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ บัณฑิตย์ รอง ผบก.น.2 รักษาการ ผกก.สน.บางเขน พ.ต.อ.อัครพล โทยะ ผกก.สส.บก.2 พ.ต.ท.ไชยา ภูละมุล รอง ผกก.สส.สน.บางเขน พ.ต.ท.สมใจ รอดยัง พ.ต.ต.พรชัย ว่องประเสริฐการ สว.สส.บางเขน คุมตัวนายไพรัช ประพันธ์ อายุ 21 ปี มาสอบสวนหลังสืบทราบเป็นบุคคลที่ปรากฏอยู่ในคลิปเป็นคนขี่ จยย.คันที่ 2 และก่อเหตุปาระเบิดปิงปองจับกุมได้ที่ห้องเช่าซอยลาดปลาเค้า 45 แขวงจรเข้บัว เขตลาดพร้าว เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับว่าช่วงกลางดึกวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา ออกมาปาระเบิดปิงปองร่วมกับกลุ่มเพื่อนที่เป็นเยาวชนด้วยความคึกคะนอง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มชุมนุมที่แยกดินแดงแต่อย่างใด มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่อีโอดี เข้าตรวจสอบบริเวณด้านข้าง ร.11 ทม.รอ. พบระเบิดปิงปองชนิดทำเอง เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
