นายกเมืองพัทยานำทัพภาคธุรกิจขานรับนโยบายผ่อนคลาย ศบค.เชื่อปลุกเศรษฐกิจพื้นที่ได้อีกครั้ง

ศูนย์ข่าวศรีราชา – นายกเมืองพัทยา นำทัพภาคธุรกิจขานรับนโยบายผ่อนคลาย ศบค.ทั้งให้เป็นพื้นที่ Sandbox เปิดรับนักท่องเที่ยวในระบบ Test & Go ขยายเวลาขายแอลกอฮอล์ถึง 5 ทุ่ม เชื่อปลุกเศรษฐกิจพื้นที่ได้อีกครั้ง

จากกรณีที่ ศบค.ได้ประกาศเพิ่มให้ จ.ชลบุรีเป็น 1 ใน 3 จังหวัดพื้นที่ Sandbox เฉพาะพื้นที่เมืองพัทยา อ.บางละมุง ศรีราชา เกาะสีชัง และ อ.สัตหีบ เฉพาะ ต.นาจอมเทียน และ ต.บางเสร่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถลงทะเบียนในระบบ Test & Go เพื่อเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.นี้เป็นต้นไป

ภายใต้หลักเกณฑ์ 5 ข้อประกอบด้วย 1.เข้าได้ทุกประเทศ 2.ปรับการตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT-PCR 2 ครั้ง 3.จัดระบบการตรวจสอบและกำกับการเข้าที่พัก ตรวจหาเชื้อให้ครบ 2 ครั้ง โดยรออยู่ในที่พักจนได้รับผลตรวจ 4.กำหนดระบบประกันให้ชัดเจนกรณีประกันไม่ครอบคลุม ผู้เดินทางต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง และ 5.หากมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มากขึ้นให้ปรับมาใช้ระบบพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว Sandbox  

และยังผ่อนปรนนักท่องเที่ยวสามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารที่อยู่ในพื้นที่สีฟ้า 8 จังหวัดนำร่องการท่องเที่ยว และพื้นที่สีเหลืองเฝ้าระวังสูงสุด 25 จังหวัดได้ถึงเวลา 23.00 น. แต่จะต้องเป็นร้านอาหารที่ผ่านมาตรฐาน SHA+ หรือ Thai Stop Covid-19 และมาตรการ Covid-19 Free Setting เท่านั้น

ล่าสุด นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา เผยว่า การประกาศมาตรการผ่อนปรนต่างๆ ให้เมืองท่องเที่ยวเป็นเพราะ ศบค.เล็งเห็นถึงความสำคัญในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว หรือพื้นที่ Blue Zone ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างเคร่งครัดด้วยเช่นกัน

และหากพบผู้ประกอบการรายใดในเมืองพัทยา ฝ่าฝืนข้อกำหนดต่างๆ จะมีมาตรการลงโทษขั้นเด็ดขาดในทันที ทั้งการปิดกิจการและหยุดประกอบการ เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการที่ปฏิบัติตามมาตรการได้รับผลกระทบในอนาคต ซึ่งบทลงโทษดังกล่าวผู้ประกอบการส่วนใหญ่ในเมืองพัทยาเห็นด้วย และพร้อมจะให้ความร่วมมือ

ขณะที่ นายพิสุทธิ์ แซ่คู นายกสมาคมโรงแรมไทยภาตะวันออก กล่าวว่า หลังการสั่งระงับโครงการไทยแลนด์ พลัส จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด จากปกติที่จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังเมืองพัทยาประมาณ 500 คนต่อวัน เหลือไม่ถึง 100 คนต่อวัน



ดังนั้น การเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถลงทะเบียนเข้าไทยได้อีกครั้งจะทำให้การท่องเที่ยวของเมืองพัทยาคึกคักมากขึ้น เช่นเดียวกับการขยายเวลาการจำหน่ายแอลกอฮอล์ได้ถึง 23.00 น. น่าจะส่งผลให้ภาคท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้งอย่างแน่นอน

สอดคล้องกับการแสดงความคิดเห็นของ นายดำรงเกียรติ พินิจการ เลขานุการสมาคมอุตสาหกรรมบันเทิงและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา บอกว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่ผู้ประกอบการสถานบันเทิงในเมืองพัทยา และ อ.บางละมุง จะได้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีปรับรูปแบบบริการเป็นร้านอาหาร พร้อมว่าจ้างพนักงานเพื่อเตรียมตัวที่จะเปิดให้บริการนักท่องเที่ยว แต่สุดท้ายกลับเปิดให้บริการได้ถึงเวลาเพียง 21.00 น.หลังสถานการณ์ระบาดอย่างหนักของโรคโควิด-19 จากเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ จนทำให้ผู้ประกอบการหลายรายเลือกที่จะปิดกิจการไปก่อนเนื่องจากไม่คุ้มค่าการลงทุน

พร้อมกันนี้ ยังวอนไปยังหน่วยงานภาครัฐให้ช่วยผ่อนปรนให้ผู้ประกอบการสามารถจัดการแสดงดนตรีได้ เพื่อให้นักดนตรีมีรายได้ และหากจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงขอให้ภาครัฐขยายเวลาปิดบริการจนถึงเที่ยงคืน