พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ต้องการเร่งแก้ปัญหาที่หมักหมมมานานในสังคมไทยเกี่ยวกับประมงผิดกฎหมาย โดยตั้งคณะอนุ กรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นประธานคณะทำงานเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ ควบคุม เฝ้าระวังการทำประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อการบังคับใช้กฎหมายและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหาประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงานและไร้การควบคุมโดยเร่งด่วน
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มอบให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร.รับผิดชอบ ศปดส.ตร. มารับผิดชอบงานปราบปรามการค้ามนุษย์
สอดรับการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาล
ตลอดระยะเวลากว่า 1 เดือนที่ได้รับมอบหมาย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์เดินหน้าทำหน้าที่แก้ปัญหาการประมงผิดกฎหมายอย่างตรงไปตรงมาเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ ลงพื้นที่พร้อมกับ บช.ภ.9 กรมเจ้าท่า กรมประมง กรมศุลกากร จับกุม 5 เรือประมงปลอม แปลงสัญชาติผิดกฎ IUU ที่อู่เรือศรีสงขลา หมู่ 2 ต.หัวเขา อ.สิงหนคร จ.สงขลา เรือทั้ง 5 ลำมีพฤติการณ์การปลอมแปลงชื่อบริเวณหัวเรือ ปิดบังอำพรางชื่อและสัญชาติเรือ
พบว่า รายละเอียดเอกสารไม่ตรงกับตัวเรือจริง ทั้งสัญชาติ ขนาดและเครื่องยนต์ และแจ้งเข้าเทียบท่าช้ากว่ากำหนด ออกหมายจับผู้กระทำผิดได้ 18 ราย จับกุมได้ 16 ราย ในความผิดฐาน “ลักลอบนำเข้าเรือประมงเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร” ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 และ “ปลอมแปลงหรือปิดบังเครื่องหมายเรือประมงหรือทะเบียนเรือประมง” ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชกำหนดประมง พ.ศ.2558
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ให้ขยายผลผู้เกี่ยวข้องทุกราย โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนรู้เห็นเป็นใจ สอบพยานบุคคล รวบรวมหลักฐานพบว่า เรือทั้ง 5 ลำไม่ได้ขออนุญาตเข้ามาในราชอาณาจักรตาม มาตรการของกรมการประมง
จากการขยายผลตำรวจออกหมายจับผู้ร่วมกระทำผิดเพิ่ม 4 ราย จับกุมได้อีก 3 ราย ทำให้คดีนี้มีผู้ต้องหา 22 ราย จับกุมได้แล้ว 19 ราย อยู่ระหว่างติดตามจับกุมอีก 3 ราย
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ลงพื้นที่ตรวจสอบเรือประมงต้องสงสัย “สวมซากเรือ” ปลอม เปลี่ยนแปลงชื่อเรือที่คานเรือ ต.โกรกกราก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร หลังได้รับรายงานว่าเจ้าหน้าที่ด่านตรวจประมงชลบุรีเข้าตรวจสอบเรือประมงชื่อโนรีนาวา ที่ท่าเทียบเรือสะพานปลาป้าแคลง เรือยื่นคำร้องขอปิดสัญญาณอุปกรณ์ระบุตำแหน่งเรือชั่วคราว เนื่องจากตัวเรือเสียหายต้องซ่อมแซม นำเรือเข้าท่าเทียบเรือประมงไว้กับด่านตรวจประมงชลบุรี
แต่เมื่อเข้าไปตรวจ สอบไม่พบเรือที่ท่าเทียบเรือสะพานปลาป้าแคลงตามที่แจ้ง ตรวจสอบพบเรือลำดังกล่าวถูกนำไปจอดไว้ห่างออกไป คาดว่าจะนำเรือไปจม เพื่อนำหมาย เลขเรือไปสวมซากเรือลำอื่น
ตำรวจสืบสวนได้ข้อมูลว่า เรือลำนี้เกี่ยวข้องกับขบวนการสวมซากเรือที่ จ.สมุทรสาคร พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ นำทีมพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบพบเรือต้องสงสัยอีก 1 ลำ มีชื่อ เลขทะเบียน เลขเครื่องหมายประจำเรือประมง ตอกเลขอัตลักษณ์ 2 แห่ง พบว่า เรือมีการขูดเปลี่ยน แปลงหมายเลขเป็นอีกลำหนึ่ง น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับเรือศุภประภานำโชค เรือโนรีนาวา ตรวจพบที่ สัตหีบ จ.ชลบุรี คดีนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลัก ฐานดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้อง
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ทำงานเชิงรุกลงพื้นที่จับเข่าคุยทำความเข้าใจชาวประมงพื้นบ้าน รับฟังปัญหาและหามาตรการแก้ไขร่วมกันร่วมประชุมกับสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ขอความร่วมมือผนึกกำลังต่อต้านประมง IUU โดย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ย้ำว่า การบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มผู้กระทำผิด ส่วนผู้ที่ทำถูกต้องถูกกฎหมายจะส่งเสริมสนับสนุนและเสนอปัญหาชาวประมงให้รัฐบาลรับทราบ เป็นมาตรการแยกน้ำดีออกจากน้ำเสีย
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ยืนยันกับกลุ่มชาวประมงว่า ทำงานตามนโยบายรัฐบาล ทำเพื่อส่วนรวมไม่ได้กลั่นแกล้งใคร และเยี่ยมผู้บาดเจ็บซึ่งเป็นลูกเรือที่ถูกลูกเรือด้วยกันทำร้ายสาหัส สาเหตุขัดแย้งในการทำงาน
เพื่อยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความสำคัญกับทุกคดีที่เกิดกับอาชีพ ชาวเรือประมง
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวว่า “ตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ มอบให้เป็นประธานคณะทำงานเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ ควบคุม เฝ้าระวังการทำประมงไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การทำงานที่ผ่านมาจับกุมเรือปลอมแปลงสัญชาติ 5 ลำ ผู้ต้องหา 19 ราย อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐและตรวจยึดเรือที่คาดว่ามีการขูดเลขสวมซากเรือเพื่อทำผิดกฎหมายอีกหลายลำ”
“ได้ไปพูดคุยรับฟังปัญหากับประมงพื้นบ้านและสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย เพื่อหาแนวทางการทำงานร่วมกัน ยืนยันว่า เข้ามาทำงานตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้ไทยปลอด การประมง IUU ทั้งระบบ ทุกคดีทุกหน้างานที่รับผิดชอบ ทำอย่างตรงไปตรงมา ทำตามพยาน หลักฐาน ไม่มีการกลั่นแกล้งใคร บางเรื่องอาจจะกระทบต่อบางบุคคลที่อาจจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับการประมงผิดกฎหมาย เลยอาจมองว่าเจ้าหน้าที่เข้มงวดเกินไป แต่ทุกอย่างเป็นไปตามข้อกฎหมาย เพื่อผลประโยชน์ต่อส่วนรวม ขอเตือนใครที่เคยทำเรื่องเหล่านี้ ขอให้หยุด กลับมาทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่จะไม่ยุ่งกับประมงที่ถูกกฎหมาย จะจัดการกับส่วนที่ผิดกฎหมาย เชื่อเป็นเพียงส่วนน้อย เป็นมาตรการแยกน้ำดีน้ำเสีย โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ ขอให้เชื่อมั่นว่าพวกเราเข้ามาทำงานเพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวมตามนโยบายรัฐบาล”
แนวทางการทำงานที่ชัดเจนของรัฐบาลวางตัว พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล เข้ามาแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมาย ปัญหาใหญ่ที่สะสมมานานของไทย จำเป็นต้องใช้คนที่ทุ่มเททำงานแบบถึงลูกถึงคน
ไม่เกรงกลัวอิทธิพล ไม่สนใจในเรื่องผลประโยชน์ และยึดในหลักของกฎหมาย
…ยกระดับมาตรการบังคับใช้กฎหมายเป็นที่ยอมรับของทั่วโลก.
ทีมข่าวอาชญากรรม
